วันที่ ๔ พระบรมศาสดาเสด็จไปรับบิณฑบาต ในนิเวศน์ของพระนันทราชกุมาร ผู้เป็นพระพุทธอนุชา ซึ่งประสูติแต่พระนางมหาปชาบดี โคตมี ในงานวิวาหมงคลของนันทกุมาเอง ครั้นเสร็จภัตตกิจแล้ว ก็ประทานบาตรให้นันทกุมารถือไว้ มีพระดำรัสตรัสมงคลคาถาแก่สมาคม เสร็จแล้วก็เสด็จลุกจากอาสน์ ลงจากนิเวศน์ แต่มิได้ทรงรับบาตรจากนันทกุมาร แม้นันทกุมารก็ไม่กล้าทูลเตือน ให้ทรงรับบาตรคืนไป คงทรงดำเนินตามเสด็จลงมา ด้วยดำริอยู่ว่า เมื่อเสด็จถึงพื้นล่างแล้ว คงจะทรงรับไป ครั้นพระศาสดาไม่ทรงรับคืน ก็ดำริอีกว่า ถึงหน้าพระลาน คงจะทรงรับหรือไม่ก็ถึงพระทวารวัง ก็คงจะทรงรับไป ครั้นถึงทั้งสองแห่งไม่ทรงรับ นันทกุมารก็ต้องจำใจถือตามเสด็จต่อไป ไม่อาจทูลเตือนได้ ด้วยความเคารพยิ่งในพระบรมศาสดา แล้วก็ดำริต่อไปใหม่ตามทางเสด็จว่า เมื่อถึงตรงนั้น ๆ แล้ว คงตะทรงรับบาตรคืนไป
ฝ่ายนางชนปทกัลยาณี ผู้เป็นเทวีคู่อภิเษก ได้ทราบจากนางสนมว่า พระชินศรีพานันทกุมาไปเสียแล้ว ก็ตกพระทัย ทรงกันแสง รีบแล่นตามมาโดยเร็ว แล้วร้องทูลว่า "ข้าแต่นันทะพระลูกเจ้า ขอให้พระองค์รีบเสด็จกลับมา
โดยด่วน" นันทกุมารได้สดับเสียง ก็สะดุ้งด้วยความอาลัยใคร่จะกลับ แต่ก็กลับไม่ได้ ด้วยเกรงพระทัยพระบรมศาสดา ต้องฝืนใจอุ้มบาตรตามพระบรมศาสดา ไปจนถึงนิโครธามหาวิหาร
ครั้นพระบรมศาสดาเสด็จถึงพระคันธกุฎี แล้วก็ทรงรับสั่งว่า "นันทกุมาร จงบรรพชาเสียเถิด" นันทกุมารไม่อาจทูลขัดพระพุทธบัญชาได้ ด้วยความเคารพยิ่ง ก็จำใจทูลว่า "จะบวช" แล้วก็ทรงโปรดประทานอุปสมบทให้นันทกุมารในวันนั้น
...............................................
ฝ่ายนางชนปทกัลยาณี ผู้เป็นเทวีคู่อภิเษก ได้ทราบจากนางสนมว่า พระชินศรีพานันทกุมาไปเสียแล้ว ก็ตกพระทัย ทรงกันแสง รีบแล่นตามมาโดยเร็ว แล้วร้องทูลว่า "ข้าแต่นันทะพระลูกเจ้า ขอให้พระองค์รีบเสด็จกลับมา
โดยด่วน" นันทกุมารได้สดับเสียง ก็สะดุ้งด้วยความอาลัยใคร่จะกลับ แต่ก็กลับไม่ได้ ด้วยเกรงพระทัยพระบรมศาสดา ต้องฝืนใจอุ้มบาตรตามพระบรมศาสดา ไปจนถึงนิโครธามหาวิหาร
ครั้นพระบรมศาสดาเสด็จถึงพระคันธกุฎี แล้วก็ทรงรับสั่งว่า "นันทกุมาร จงบรรพชาเสียเถิด" นันทกุมารไม่อาจทูลขัดพระพุทธบัญชาได้ ด้วยความเคารพยิ่ง ก็จำใจทูลว่า "จะบวช" แล้วก็ทรงโปรดประทานอุปสมบทให้นันทกุมารในวันนั้น
...............................................