ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จด้วยพระขีณาสพ ๒ หมื่นเป็นบริวาร ทรงบาตรดำเนินภิกษาจารตามท้องถนน ในกบิลพัสตุ์นคร ขณะนั้น มหาชนที่สัญจรในถนน ตลอดไปถึงทุก ๆ คน ทุกบ้านช่อง ต่างก็จ้องดูด้วยความเลื่อมใสและประหลาดใจระคนกัน ว่าไฉนพระผู้เป็นเจ้าสิทธัตถกุมารจึงนำพระสงฆ์เที่ยวภิกษาจารด้วยการเช่นนี้ แล้วก็โจษจันกันอึงมี่ทั่วพระนคร
เมื่อพระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบก็ตกพระทัย รีบเสด็จลงจากพระราชนิเวศน์ เสด็จพระราชดำเนินไปหยุดยืนเฉพาะพระพักตร์พระบรมศาสดาที่กลางถนนนั่นเอง แล้วทูลพ้อพระบรมศาสดาว่า "ไฉนพระองค์จึงทรงทำให้หม่อมฉันได้รับความอัปยศ โดยการเที่ยวภิกษาจารเช่นนี้"
สมเด็จพระชินศรีจึงตรัสตอบว่า "ดูกรพระราชสมภาร อันการเที่ยวบิณฑบาตนี้ เป็นจารีตประเพณีของตถาคต"
"ข้าแด่พระผู้มีพระภาค อันบรรดากษัตริย์ขัตติยวงศ์องค์ใดองค์หนึ่งซึ่งเที่ยวบิณฑบาตเช่นนี้ ยังจะมีอยู่ ณ ที่ใด ประเพณีของหม่อมฉันไม่เคยมี แต่ครั้งไหนในกาลก่อน" พระเจ้าสุทโธทนะทรงรับสั่ง
"ดูกร พระราชสมภาร นับแต่ตถาคตได้บรรลุพระสัมโพธิญาณแล้ว ก็สิ้นสุดสมมติขัตติยวงศ์ เริ่มประดิษฐานพุทธวงศ์ตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนี้ ดังนั้น การเที่ยวบิณฑบาตจึงเป็นประเพณีของพระพุทธเจ้า ตลอดพระภิกษุสงฆ์ที่สืบสายพุทธวงศ์ชั่วนิรันดร"
เมื่อพระบรมศาสดาตรัสเช่นนั้นแล้ว จึงทรงแสดงธรรมโปรดพระพุทธบิดาให้ดำรงอยู่ในโสตาปัตติผ แล้วพระเจ้าสุทโธทนะก็ทรงรับบาตรของพระบรมศาสดา ทูลอาราธนาให้เสด็จขึ้นพระราชนิวเศน์ พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ ทรงอังคาสด้วยอาหารบิณฑบาตอันประณีต
วันรุ่งขึ้น พระบรมศาสดาเสด็จพระพุทธดำเนินไปรับภัตตาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวศน์เป็นวันที่สอง
ครั้นเสร็จภัตตกิจแล้ว ตรัสพระธรรมเทศนาโปรดพระนางมหาปชาบดีและพระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธบิดา เมื่อจบพระธรรมเทศนา พระนางมหาปชาบดีได้บรรลุโสดาปัตติผล พระพุทธบิดาได้บรรลุสกทาคามิผล
วันรุ่งขึ้นอีก พระบรมศาสดาเสด็จพระพุทธดำเนินไปรับภัตตาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวศน์ เป็นวันที่ ๓ ครั้นภัตตกิจแล้ว ตรัสเทศนามหาธรรมปาสชาดก โปรดพระพุทธบิดาให้สำเร็จพระอนาคามิผล
........................................................
คัดลอกจาก....หนังสือพุทธประวัติทัศนศึกษา
นิพนธ์ของ พระพิมมลธรรม (ชอบ อนุจารีมหาเถระ ร.บ.)
.........................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น