วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

นางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาส



             ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น



นางสุชาดามีความปลาบปลื้ม กล่าวว่า  ขอให้เจ้าเป็นลูกคนโตของแม่เถิด แล้วจึงมอบเครื่องประดับแก่นางปุณณทาสี และให้หยิบถาดทองมา ๒ ถาด ถาดหนึ่งใส่ข้าวปายาสจนหมด มิได้เหลือเศษไว้เลย ข้าวปายาสเต็มถาดพอดี  แล้วให้ปิดด้วยถาดทองอีกถาดหนึ่ง แล้วห่อหุ้มด้วยผ้าทองอันบริสุทธิ์  ครั้นนางสุชาดาแต่งกายงามด้วยอาภรณ์เสร็จแล้ว จึงยกถาดข้าวปายาสขึ้นทูนเหนือเศียรเกล้าของนาง ลงจากเรือนพร้อมด้วยหญิงคนใช้เป็นบริวารติดตามมาเป็นอันมาก  ครั้นถึงต้นไทร เห็นพระมหาบุรุษงามด้วยรัศมีดังนั้น  ก็มีความโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง  สำคัญว่าเป็นรุกขเทวดาโดยแท้  เดินยอบกายเข้าไปเฝ้าแต่ไกลด้วยคารวะ  ครั้นเข้าไปใกล้จึงน้อมถาดข้าวปายาสถวายด้วยความเคารพยิ่ง

ขณะนั้น บาตรดินอันเป็นทิพย์ ซึ่งฆฏิการพรหมถวายแต่วันแรกทรงบรรพชา  เกิดอันตรธานหายไปจากที่นั้น  พระมหาบุรุษก็ทรงเหยียดพระหัตถ์ออกรับ  แล้วทอดพระเนตรดูนางสุชาดา แสดงให้นางรู้ชัดว่า พระองค์ไม่มีบาตรจะถ่ายข้าวปายาสไว้  นางสุชาดาทราบชัดโดยพระอาการ ก็กราบทูลว่า หม่อมฉันขอถวายทั้งหมด  พระองค์มีพระประสงค์ประการใดโปรดนำไปตามพระหฤทัยเถิด  แล้วถวายอภิวาททูลอีกว่า ความปรารถนาของหม่อมฉันสำเร็จฉันใด  ขอสิ่งซึ่งพระหฤทัยของพระองค์ประสงค์จงสำเร็จฉันนั้นเถิด  แล้วนางก็ก้มลงกราบถวายบังคมลากลับเรือนด้วยความสุขใจเป็นล้นพ้น


 ส่วนพระมหาบุรุษเสด็จลุกจากที่ประทับ  ทรงถือถาดข้าวปายาสเสด็จไปยังฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ประทับบ่ายพระพักตร์สู่บูรพทิศ แล้วทรงปั้นข้าวปายาสเป็นปั้น ๆ ได้ ๔๙ ปั้น เสวยจนหมด แล้วทรงถือถาดลงไปสู่แม่น้ำ ทรงอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า ถ้าอาตมาจะได้ตรัสแก่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณแล้ว ขอให้ถาดนี้จงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป  แล้วทรงลอยถาดทองนั้นลงในแม่น้ำเนรัญชรา  ขณะนั้นอานุภาพพระบารมีของพระองค์ ซึ่งทรงบำเพ็ญมาบริบูรณ์ดีแล้ว ได้แสดงให้เห็นความอัศจรรย์ ถาดทองนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำในแม่น้ำเนรัญชราขึ้นไปประมาณ ๑ เส้น  แล้วถาดทองนั้นก็จมลงตรงนาคภพพิมานแห่งพญากาฬนาคราช

ครั้นพระมหาบุรุษได้ทอดพระเนตรเห็นเป็นนิมิตอันดีเช่นนั้น  ก็เพิ่มความแน่พระทัยว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้า  โดยหาความสงสัยมิได้ ก็ทรงโสมนัส แล้วเสด็จมายังสาลวันริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ประทับพักที่ภายใต้ร่มไม้สาลพฤกษ์  พอเวลาสายัณห์ตะวันบ่าย ก็เสด็จออกจากหมู่ไม้สาละที่พักกลางวัน  เสด็จดำเนินไปสู่ควงไม้อสัตถะโพธิพฤกษ์มณฑล  พบโสตถิยะพราหมณ์ในระหว่างทาง  โสตถิยะพราหมณ์เลื่อมใส  ได้น้อมถวายหญ้าคาจำนวน ๘ กำ





พระมหาบุรุษรับหญ้าคาแล้ว  เสด็จไปร่มไม้อสัตถะนั้น ณ ด้านปราจีนทิศ ทรงอธิษฐานว่า ถ้าอาตมาจะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ขอจงเกิดเป็นรัตนบัลลังก์แก้วขึ้นรองรับพระสัพพัญญุตญาณในที่นี้  ทันใดนั้น บัลลังก์แก้วอันวิจิตรงานตระการ  ก็บันดาลผุดขึ้นสมดังพระทัยประสงค์ ควรจะอัศจรรย์ยิ่งนัก

พระมหาบุรุษเสด็จขึ้นประทับรัตนบัลลังก์แก้ว ขัดสมาธิ ผินพระพักตร์ตรงไปยังปราจีนทิศ หันพระปฤษฏางค์ (หลัง)  ไปทางลำต้นโพธิ์พฤกษ์ก่อนที่จะเริ่มทำความเพียรโดยสมาธิจิต  ได้ทรงตั้งสัตยาธิษฐานในพระทัยว่า  ถ้าอาตมายังมิได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเพียงใด  แม้โลหิตและมังสะจะเหือดแห้งไป จงเหลือแต่ตจะ (หนัง)  นหารุ (เอ็น)  และอัฐิ (กระดูก) ก็ตามที จะไม่เลิกละความเพียร โดยลุกไปจากที่นี้

ครั้งนั้น เทพยดาทั้งหลายพากันชื่นชมโสมนัส มีหัตถ์ทรงซึ่่งเครื่องสักการบูชา บุปผามาลัยมีประการต่าง ๆ  พากันมาสโมสรสันนิบาตห้อมล้อม โห่ร้องซ้องสาธุการบูชาพระมหาบุรุษ สุดที่จะประมาณ เต็มตลอดมงคลจักรวาลนี้.

                                                   .....................................................



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น