วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เสด็จเมืองกบิลพัสตุ์ (ตอนที่ ๓)




เมื่อสิ้นสุดพระราชบรรหารแห่งพระเจ้าสุทโธทนมหาราช  บรรดาเหล่าพระประยูรญาติสิ้นทั้งหมด  ก็พากันยอกรประณตอภิวาทพระบรมศาสดาด้วยคารวะเป็นอันดี


ต่อนั้น  พระมหามุนีบรมสุคตเจ้า  ก็เสด็จลงจากอากาศ  ประทับนั่งลงบนพระพุทธอาสน์ในท่ามกลางพระประยูรญาติสมาคม  เป็นที่ชื่นชมโสมนัสสุดจะประมาณด้วยบุญญาภินิหารพระโลกนาถ  ขณะนั้น มหาเมฆก็ตั้งขึ้นในอากาศ  บันดาลหยาดฝนโบกขรพรรษให้ตกลง  ในที่ขัตติยะประยูรวงศ์ประชุมกัน  น้ำฝนโบกขรพรรษนั้น  มีสีแดงหลั่งไหลเสียงสนั่นลั่นออกไปไกล  เหมือนเสียงสายฝนธรรมดา  ถ้าผู้ใดปรารถนาจะให้เปียกกาย  จึงจะเปียกกาย  ถ้าไม่ปรารถนาแล้ว  แม้แต่เม็ดหนึ่งก็มิได้เปียกตัว  เหมือนหยาดน้ำตกลงใบบัว  แล้วก็กลิ้งตกลงไปมิได้ติดอยู่ให้เปียก  ดังนั้น จึงได้นามขนาดขานเรียกว่า  "ฝนโบขรพรรษ"  เป็นมหัศจรรย์


ครั้งนั้น  พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายก็พากันพิศวง  ต่างองค์ก็สนทนาว่า  มิได้เคยเห็นมาแต่ก่อนกาล  พระองค์จึงมีพุทธบรรหารตรัสว่า  "ฝนโบกขรพรรษนี้  ใช่จะตกอยู่ในที่ชุมนุมพระประยูรญาติในครั้งนี้เท่านั้น  ก็หาไม่  ในอดีตสมัยเมื่อตถาคตเสวยพระชาติเป็น พระเวสสันดร บรมโพธิสัตว์  ฝนโบกขรพรรษก็เคยได้ตกลงในที่ชุมนุมพระประยูรญาติเหมือนครั้งนี้"  แล้วสมเด็จพระมหามุนีจึงได้ทรงแสดงพระธรรมเทศนา  เรื่องมหาเวสสันดรชาดก  ยอยกพระมหาบารมีทาน  เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้ว  พระประยูรญาติก็ถวายนมัสการทูลลากลับพระราชนิเวศน์หมดด้วยกัน ไม่มีใครเฉลียวจิตคิดถึงวันยามอรุณรุ่งพรุ่งนี้ว่า  สมเด็จพระชินศรีและพระสงฆ์จะทรงเสวยบิณฑบาตที่ใด  จึงไม่มีใครทูลอารธนาให้เสด็จไปเสวยภัตตาหารในเคหสถานของตน ๆ  ในกบิลพัสตุ์บุรี.


 ...........................................................               

คัดลอกจาก....หนังสือพุทธประวัติทัศนศึกษา
นิพนธ์ของ  พระพิมมลธรรม  (ชอบ  อนุจารีมหาเถระ  ร.บ.)  
                                                                              
                                                                                       ..........................................................


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น