อนึ่ง พระบรมชนกนาถก็มีพระทัยมุ่งหมาย ใคร่จะได้ประสบพบพระองค์ตลอดพระภิกษุสงฆ์ทั้งหมด หากพระองค์จะทรงพระกรุณา เสด็จไปให้สมมโนรถของพระชนกนาถ ตลอดทั่วพระประยูรญาติศากยวงศ์แล้วประดิษฐานพระพุทธศาสนาลงที่กบิลพัสตุ์บุรี ก็จะเป็นเกียรติเป็นศรีแก่พุทธศาสนา นำมาซึ่งประโยชน์สุขแก่ปวงมหาชน เป็นสิริมงคลแก่อนุชนคนภายหลังชั่วกาลนาน ข้าพระองค์ขออัญเชิญพระพิชิตมาร เสด็จสู่กบิลพัสตุ์บุรี โปรดพระชนกและพระประยูรญาติให้ปีติในคราวนี้เถิด
เมื่อพระบรมศาสดาทรงสดับสุนทรกถา ที่กาฬุทายีเถรเจ้ากราบทูลพรรณนารวม ๖๔ คาถา วิจิตรพิสดาร ก็ทรงตรัสสาธุการแก่กาฬุทายี ตรัสว่า "ตถาคตจะเสด็จไปโปรดพระประยูรญาติยังกบิลพัสตุ์บุรี ตามคำของท่าน ณ กาลบัดนี้ ฉะนั้น ท่านจงแจ้งข่าวแก่พระสงฆ์ทั้งหลาย ให้ตระเตรียมการเดินทางไกลตามตถาคตประสงค์ที่จะเสด็จไปยังกบิลพัสตุ์บุรี"
เมื่อพระกาฬุทายี ออกมาประกาศให้มวลพระสงฆ์ ที่มาสันนิบาตอยู่พร้อมหน้ากันให้ทราบพระพุทธประสงค์แล้ว บรรดาพระสงฆ์ขีณาสพทุก ๆ องค์ ก็เตรียมบาตร จีวร มาสโมสรรอเสด็จพระบรมศาสดาตามวันเวลาที่กำหนด ครั้นได้เวลา พระบรมศาสดาจารย์พร้อมด้วยพระสงฆ์ขีณาสพ ๒ หมื่น เป็นประมาณเสด็จดำเนินไปยังกบิลพัสตุ์นคร เสด็จโดยมิได้รีบร้อนตามสบาย ประมาณระยะทางเดินได้วันละ ๑ โยชน์พอดี
ฝ่ายพระกาฬุทายี ได้ส่งข่าวเสด็จพระนครกบิลพัสตุ์ของพระชินศรีสัมพุทธเจ้า แต่พระเจ้าสุทโธทนะบรมกษัตริย์ ท้าวเธอได้ทรงทราบก็ทรงโสมนัสเบิกบาน แจ้งข่าวสารแก่ปวงพระประยูรญาติทั้งศากยราช และโกลิยวงศ์ในเทวทหนคร พระญาติทั้งสองฝ่าย ได้มาสโมสรประชุมกันต้อนรับที่กบิลพัสตุ์บุรี ด้วยความปีติยินดีเกษมศานต์ ได้ร่วมกำลังสร้างนิโครธมหาวิหาร พร้อมด้วยเสนาสนะและพระคันธกุฎี เพื่อรับรองพระชินศรีและพระสงฆ์สาวกพุทธบริษัท เป็นสถานที่งดงามและเงียบสงัดควรแก่สมณวิสัยเป็นอย่างดี
ครั้นสมเด็จพระชินศรี พร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกเสด็จถึงกบิลพัสตุ์นคร บรรดาพระประยูรญาติที่มาสโมสรต้อนรับอยู่ทั่วหน้า มีพระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธบิดาเป็นประธาน ต่างแสดงออกซึ่งความเบิกบานตามควรแก่วิสัย แล้วทูลเชิญให้เสด็จเข้าไปประทับยังพระนิโครธารามพระมหาวิหาร พระบรมศาสดาจารย์เสด็จขึ้นประทับบนพระบวรพุทธาอาสน์ บรรดาพระสงฆ์ ๒ หมื่น ต่างก็ขึ้นนั่งบนอาสนะอันมโหฬาร ดูงามตระการปรากฏสมเกียรติศากยบุตรพุทธชิโนรสบรรดามี
ครั้งนั้น บรรดาพระประยูรญาติทั้งหลาย มีมานะทิฏฐิอันกล้า นึกละอายใจไม่อาจน้อมประนมหัตถ์ถวายนมัสการพระบรมศาสดาได้ ด้วยดำริว่า "พระสิทธัตถกุมาร มีอายุยังอ่อน ไม่ควรแก่ชุลีกรนมัสการ จึงจัดให้พระประยูรญาติราชกุมาร ที่พระชนมายุน้อยคราวน้อง คราวบุตรหลานออกไปนั่งอยู่ข้างหน้า เพื่อจะได้ถวายบังคมพระบรมศาสดา ซึ่งเห็นว่าควรแก่่วิสัย ส่วนพระประยูรญาติผู้ใหญ่พากันประทับนั่งอยู่เบื้องหลังเหล่าพระราชกุมารไม่ประนมหัตถ์ ไม่นมัสการ หรือคารวะแต่ประการใด ด้วยมานะจิตคิดไปในใจว่าตนแก่กว่า ไม่ควรจะวันทาพระสิทธัตถกุมาร"
เมื่อพระบรมศาาสดาได้ทรงประสบเหตุ ทรงพระประสงค์จะให้เกิดสลดจิตคิดสังเวชแก่พระประยูรญาติ ที่มีมานะจิตคิดมมังการ จึงทรงสำแดงปาฏิหาริย์เหาะขึ้นลอยอยู่ในอากาศ ให้ปรากฎประหนึ่งว่าละอองธุลีพระบาทได้หล่นลงตรงเศียรเกล้า แห่งพระประยูรญาติทั้งหลาย ด้วยพุทธานุภาพเป็นมหัศจรรย์
ครั้น พระเจ้าสุทโธทนมหาราชพระพุทธบิดา ได้ทรงเห็นปาฏิหาริย์เป็นมหัศจรรย์ จึงประนมหัตถ์ถวายนมัสการแล้วกราบทูลว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค แต่กาลก่อน เมื่อพระองค์ทรงประสูติใหม่ได้ ๑ วัน หม่อมฉันให้พระพี่เลี้ยงนำมาเพื่อนมัสการพระกาลเทวิลดาบส พระองค์ก็ทรงปาฏิหาริย์ให้ปรากฎขึ้นไปอยู่บนชฎาพระกาลเทวิลอาจารย์ แม้ครั้งนั้นหม่อมฉันก็ได้ถวายนมัสการเป็นปฐม ต่อมางานพระราชพิธีนิยมประกอบการวัปปมงคลแรกนาขวัญ พระพี่เลี้ยงนางนมได้นำพระองค์ประทับบรรทมใต้ร่มไม้หว้า ครั้นเวลาบ่าย เงาไม้ก็มิได้ชายไปตามตะวัน เป็นปาฏิหาริย์ที่มหัศจรรย์ได้ปรากฎ แม้ครั้งนั้น หม่อมฉันก็ได้ประณตนมัสการเป็นคำรบสอง ควรแก่การสดุดี รวมเป็นสามครั้งกับครั้งนี้ ที่หม่อมฉันได้อัญชลีนมัสการ"
......................................................
จาก......พุทธประวัติทัศนศึกษา
นิพนธ์ของ พระพิมลธรรม (ชอบ อนุจารีมหาเถระ ร.บ.)
.............................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น