วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เสด็จเมืองกบิลพสตุ์ (ตอนที่ ๒)


อนึ่ง  พระบรมชนกนาถก็มีพระทัยมุ่งหมาย  ใคร่จะได้ประสบพบพระองค์ตลอดพระภิกษุสงฆ์ทั้งหมด หากพระองค์จะทรงพระกรุณา  เสด็จไปให้สมมโนรถของพระชนกนาถ  ตลอดทั่วพระประยูรญาติศากยวงศ์แล้วประดิษฐานพระพุทธศาสนาลงที่กบิลพัสตุ์บุรี  ก็จะเป็นเกียรติเป็นศรีแก่พุทธศาสนา  นำมาซึ่งประโยชน์สุขแก่ปวงมหาชน  เป็นสิริมงคลแก่อนุชนคนภายหลังชั่วกาลนาน  ข้าพระองค์ขออัญเชิญพระพิชิตมาร  เสด็จสู่กบิลพัสตุ์บุรี  โปรดพระชนกและพระประยูรญาติให้ปีติในคราวนี้เถิด

เมื่อพระบรมศาสดาทรงสดับสุนทรกถา  ที่กาฬุทายีเถรเจ้ากราบทูลพรรณนารวม ๖๔ คาถา  วิจิตรพิสดาร ก็ทรงตรัสสาธุการแก่กาฬุทายี  ตรัสว่า  "ตถาคตจะเสด็จไปโปรดพระประยูรญาติยังกบิลพัสตุ์บุรี  ตามคำของท่าน ณ กาลบัดนี้  ฉะนั้น  ท่านจงแจ้งข่าวแก่พระสงฆ์ทั้งหลาย  ให้ตระเตรียมการเดินทางไกลตามตถาคตประสงค์ที่จะเสด็จไปยังกบิลพัสตุ์บุรี"

เมื่อพระกาฬุทายี  ออกมาประกาศให้มวลพระสงฆ์  ที่มาสันนิบาตอยู่พร้อมหน้ากันให้ทราบพระพุทธประสงค์แล้ว  บรรดาพระสงฆ์ขีณาสพทุก ๆ องค์ ก็เตรียมบาตร จีวร มาสโมสรรอเสด็จพระบรมศาสดาตามวันเวลาที่กำหนด  ครั้นได้เวลา  พระบรมศาสดาจารย์พร้อมด้วยพระสงฆ์ขีณาสพ ๒ หมื่น เป็นประมาณเสด็จดำเนินไปยังกบิลพัสตุ์นคร  เสด็จโดยมิได้รีบร้อนตามสบาย   ประมาณระยะทางเดินได้วันละ  ๑  โยชน์พอดี

ฝ่ายพระกาฬุทายี ได้ส่งข่าวเสด็จพระนครกบิลพัสตุ์ของพระชินศรีสัมพุทธเจ้า  แต่พระเจ้าสุทโธทนะบรมกษัตริย์  ท้าวเธอได้ทรงทราบก็ทรงโสมนัสเบิกบาน  แจ้งข่าวสารแก่ปวงพระประยูรญาติทั้งศากยราช  และโกลิยวงศ์ในเทวทหนคร  พระญาติทั้งสองฝ่าย ได้มาสโมสรประชุมกันต้อนรับที่กบิลพัสตุ์บุรี  ด้วยความปีติยินดีเกษมศานต์  ได้ร่วมกำลังสร้างนิโครธมหาวิหาร พร้อมด้วยเสนาสนะและพระคันธกุฎี  เพื่อรับรองพระชินศรีและพระสงฆ์สาวกพุทธบริษัท  เป็นสถานที่งดงามและเงียบสงัดควรแก่สมณวิสัยเป็นอย่างดี

ครั้นสมเด็จพระชินศรี  พร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกเสด็จถึงกบิลพัสตุ์นคร  บรรดาพระประยูรญาติที่มาสโมสรต้อนรับอยู่ทั่วหน้า  มีพระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธบิดาเป็นประธาน  ต่างแสดงออกซึ่งความเบิกบานตามควรแก่วิสัย  แล้วทูลเชิญให้เสด็จเข้าไปประทับยังพระนิโครธารามพระมหาวิหาร  พระบรมศาสดาจารย์เสด็จขึ้นประทับบนพระบวรพุทธาอาสน์  บรรดาพระสงฆ์ ๒ หมื่น  ต่างก็ขึ้นนั่งบนอาสนะอันมโหฬาร  ดูงามตระการปรากฏสมเกียรติศากยบุตรพุทธชิโนรสบรรดามี

ครั้งนั้น  บรรดาพระประยูรญาติทั้งหลาย  มีมานะทิฏฐิอันกล้า นึกละอายใจไม่อาจน้อมประนมหัตถ์ถวายนมัสการพระบรมศาสดาได้  ด้วยดำริว่า  "พระสิทธัตถกุมาร  มีอายุยังอ่อน ไม่ควรแก่ชุลีกรนมัสการ  จึงจัดให้พระประยูรญาติราชกุมาร ที่พระชนมายุน้อยคราวน้อง  คราวบุตรหลานออกไปนั่งอยู่ข้างหน้า  เพื่อจะได้ถวายบังคมพระบรมศาสดา  ซึ่งเห็นว่าควรแก่่วิสัย  ส่วนพระประยูรญาติผู้ใหญ่พากันประทับนั่งอยู่เบื้องหลังเหล่าพระราชกุมารไม่ประนมหัตถ์  ไม่นมัสการ หรือคารวะแต่ประการใด  ด้วยมานะจิตคิดไปในใจว่าตนแก่กว่า  ไม่ควรจะวันทาพระสิทธัตถกุมาร"

เมื่อพระบรมศาาสดาได้ทรงประสบเหตุ  ทรงพระประสงค์จะให้เกิดสลดจิตคิดสังเวชแก่พระประยูรญาติ ที่มีมานะจิตคิดมมังการ  จึงทรงสำแดงปาฏิหาริย์เหาะขึ้นลอยอยู่ในอากาศ  ให้ปรากฎประหนึ่งว่าละอองธุลีพระบาทได้หล่นลงตรงเศียรเกล้า แห่งพระประยูรญาติทั้งหลาย  ด้วยพุทธานุภาพเป็นมหัศจรรย์

ครั้น  พระเจ้าสุทโธทนมหาราชพระพุทธบิดา ได้ทรงเห็นปาฏิหาริย์เป็นมหัศจรรย์ จึงประนมหัตถ์ถวายนมัสการแล้วกราบทูลว่า  "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค แต่กาลก่อน  เมื่อพระองค์ทรงประสูติใหม่ได้ ๑ วัน  หม่อมฉันให้พระพี่เลี้ยงนำมาเพื่อนมัสการพระกาลเทวิลดาบส  พระองค์ก็ทรงปาฏิหาริย์ให้ปรากฎขึ้นไปอยู่บนชฎาพระกาลเทวิลอาจารย์  แม้ครั้งนั้นหม่อมฉันก็ได้ถวายนมัสการเป็นปฐม  ต่อมางานพระราชพิธีนิยมประกอบการวัปปมงคลแรกนาขวัญ  พระพี่เลี้ยงนางนมได้นำพระองค์ประทับบรรทมใต้ร่มไม้หว้า ครั้นเวลาบ่าย เงาไม้ก็มิได้ชายไปตามตะวัน  เป็นปาฏิหาริย์ที่มหัศจรรย์ได้ปรากฎ  แม้ครั้งนั้น  หม่อมฉันก็ได้ประณตนมัสการเป็นคำรบสอง  ควรแก่การสดุดี รวมเป็นสามครั้งกับครั้งนี้  ที่หม่อมฉันได้อัญชลีนมัสการ"


......................................................

จาก......พุทธประวัติทัศนศึกษา
นิพนธ์ของ  พระพิมลธรรม (ชอบ อนุจารีมหาเถระ ร.บ.)


                   .............................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น