วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ดอกมณฑาตก (๔)


เพราะฉะนั้น  ขอท่านทั้งหลาย  จงสามัคคีปรองดองกันเถิด  ขอทุกท่านจงมีส่วนได้พระบรมสารีริกธาตุ  ที่เคารพบูชาอันสูง  จงแพร่หลายออกไปยังพระนครต่าง ๆ  เพื่อเป็นที่สักการะ  เคารพ  บูชา  ของมหาชนทั้งปวงเถิด"

เมื่อกษัตริย์ทั้งปวง  ได้สดับคำของโทณพราหมณ์อันชอบด้วยธรรม  อันสอดคล้องต้องกันกับรัฐประศาสโนบายเช่นนั้น  ก็ได้สติ  ดำริเห็นสอดคล้องต้องตามคำของโทณพราหมณ์  เลื่อมใสในถ้อยคำนั้นแล้วพร้อมกันตรัสว่า  "ชอบแล้ว  ท่านอาจารย์  ขอท่านอาจารย์จงแบ่งปันพระบรมสารีริกธาตุออกเป็นส่วน ๆ ให้เป็นส่วน ๆ  ให้เป็นของควรแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายจะพึงอัญเชิญไปสักการบูชาตามปรารถนาเถิด"

เมื่อโทณพราหมณ์ได้สดับคำยินยอมพร้อมเพรียง   ของกษัตริย์ทั้งปวงเช่นนั้น  ก็ให้เปิดประตูเมืองกุสินารา  อัญเชิญกษัตริย์ทั้งปวงเข้ามาในภายในแล้ว  ให้อัญเชิญไปประชุมพร้อมกันยังพระโรงราชสัณฐาคารที่ประดิษฐานพระบรมสารีิกธาตุ  แล้วให้เปิดพระหีบทองน้อย  ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุให้กษัตริย์ทั้งปวง  พร้อมกันถวายอภิวาท  สมตามมโนรถ

ขณะนั้น  พระบรมสารีรกธาตุ  อันทรงพรรณพิลาศงามโอภาสด้วยรัศมีซึ่งปรากฏอยู่ในพระหีบทอง เฉพาะพระพักตร์  ได้เตือนพระทัยกษัตริย์ทั้งปวง  ให้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระผูมีพระภาค
กษัตริย์ทั้งปวงจึงได้ทรงกันแสงปริเทวนาการต่าง ๆ   ครั้งนั้นโทณพราหมณ์เห็นกษัตริย์ทั้งหลายมัวแต่โศกศัลย์รันทดอยู่เช่นนั้น  จึงหยิบพระทักษิณทาฐธาตุ  คือพระเขี้ยวแก้วข้างขวา  เบื้องบน  ขึ้นซ่อนไว้ในมวยผม  แล้วจัดการตักตวงพระบรมสารีริกธาตุด้วยทะนานทอง  ถวายกษัตริย์ทั้ง ๘  พระนคร  ซึ่งประทับอยู่  ณ  ที่นั้น  ได้พระนครละ  ๒  ทะนานเท่า ๆ  กันพอดี  รวมพระบรมธาตุเป็น  ๑๖  ทะนานด้วยกัน


............................



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น