วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ทรงปลงอายุสังขาร


ครั้นพระอานนท์รับพระพุทธบัญชา  ถวายบังคมลาออกไปนั่งอยู่ที่ร่มไม้แห่งหนึ่ง  ซึ่งเป็นวิเวก  ไม่ไกลจากพระบรมศาสดาแล้ว  ลำดับนั้น  พญาวัสวดีมาร ผู้ใจบาปก็ถือโอกาสเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า  ได้ทูลอารธนาปรารภถึงความหลัง  เมื่อครั้งแรกตรัสรู้  เสด็จอยู่ ณ ร่มไม้อชปาลนิโครธว่า  เมื่อครั้งนั้น  ได้ทูลอารธนาให้เสด็จปรินิพพานแล้ว  แต่พระองค์ทรงห้ามว่า  ตราบใดบริษัท ๔ คือ  ภิกษุ  ภิกษุณี  อุบาสก  อุบาสิกา  สาวกของตถาคตยังไม่เจริญมั่นคงก็ดี  ศาสนาของตถาคตยังไม่แผ่ไพศาลไปทั่วโลกธาตุก็ดี  ตราบนั้น  ตถาคตจะยังไม่ปรินิพพานก่อน  ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า  บัดนี้  บริษัท ๔  ของพระผู้มีพระภาคได้เจริญแพร่หลายแล้ว  พระศาสนาได้ดำรงมั่นเป็นหลักฐาน  สมดังมโนปณิธานแล้ว  ขออาราธนาพระองค์เสด็จปรินิพพานเถิด

พระผู้มีพระภาคทรงตรัสว่า  "ดูกรมาร  ท่านจงมีความขวนขวายน้อยเถิด  อย่าทุกข์ใจไปเลย  ไม่ช้าแล้ว  ตถาคตก็จักปรินิพพาน  กำหนดกาลแต่นี้ล่วงไปอีก ๓ เดือนเท่านั้น"  ครั้นพญามารได้สดับพระพุทธบัญชาเช่นนั้น  ก็มีจิตโสมนัสยินดี  แล้วก็อันตรธานจากสถานที่นั้นไป

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า  กำหนดพระทัย  ทรงปลงพระชนมายุสังขาร  ณ  ปาวาลเจดีย์  ในวันมาฆปุรณมี เพ็ญเดือน  ๓  ครั้งนั้น  ก็บังเกิดมหัสจรรย์บันดาล  พื้นแผ่นพสุธาธารโลกธาตุ  ก็กัมปนาทหวั่นไหวประหนึ่งว่าแสดงความทุกข์ใจ  อาลัยในพระผู้มีพระภาคเจ้า  จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานในกาลไม่นาน ต่อไปนี้อีก  ๓  เดือนเท่านั้น

ขณะนั้น  พระอานนท์เถระ  ได้เห็นความอัศจรรย์ใจ  เพราะแผ่นดินไหวใหญ่นั้น  ก็มีความพิศวง  จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า  ทูลถามถึงเหตุที่ทำให้แผ่นดินไหวใหญ่  พระบรมศาสดาตรัสบอกเหตุแห่งแผ่นดินไหวใหญ่แก่พระอานนท์เถระว่า  "อานนท์  แผ่นดินไหวด้วยเหตุ  ๘  ประการ  คือ  ๑.  ลมกำเริ่ม   ๒. ท่านผู้มีฤทธิ์บันดาล   ๓. พระโพธิสัตว์ จุติจากดุสิตลงสู่พระครรภ์   ๔. พระโพธิสัตว์ประสูติ   ๕. พระตถาคตเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ   ๖. พระตถาคตเจ้าแสดงธรรมจักกัปวัตตนสูตร   ๗. พระตถาคตเจ้าปลงอายุสังขาร   ๘. พระตถาคตเจ้าปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ    อานนท์  เหตุ ๘ ประการนี้แลแต่ละอย่าง  ย่อมทำให้แผ่นดินไหวได้"

พระอานนท์เถระจึงกราบทูลว่า  "ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า  จงได้ทรงพระกรุณาดำรงพระชนมายุกัลปหนึ่งเถิด  เพื่อประโยชน์สุขเป็นอันมากแก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย"

"อย่าเลย อานนท์  เธออย่าวิงวอนตถาคตเลย  บัดนี้  มิใช่เวลาอันควรที่เธอจะวิงวอนตถาคตเสียแล้ว"

แม้พระบรมศาสดาจะตรัสห้ามเช่นนั้นแล้ว  พระอานนท์ก็ยังได้ทูลวิงวอนอยู่อีกถึง  ๒  ครั้ง  ๓  ครั้ง พระองค์จึงตรัสว่า  "อานนท์  เธอยังเชื่อปัญญาความตรัสรู้ของตถาคตอยู่หรือ ? "

"เชื่อพระเจ้าข้า  ข้าพระองค์เชื่อมั่นในความตรัสรู้ของพระองค์"

"ก็เมื่อเธอเชื่อมั่นเช่นนั้น  ไฉนเธอจึงมาแค่นได้  วิงวอนตถาคตซึ่งห้ามเธออยู่ถึง ๓ ครั้ง ฉะนี้เล่า ? "

"ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า  ด้วยข้าพระองค์ได้สดับรับรู้มาจากพระองค์ว่า  "ผู้ใดได้เจริญอิทธิบาทภาวนา ๔ ประการนี้  ทำให้มากให้ชำนาญดีแล้ว  ผิวะ ผู้นั้นประสงค์จะดำรงชนมายุอยู่นาน  เขาก็จะพึงตั้งอยู่ได้ถึงกัลป หรือเกินกว่า  ก็อิทธิบาทภาวนานั้น  พระองค์ทรงเจริญได้ดียิ่งแล้ว  หากพระองค์ทรงพระประสงค์จะดำรงพระชนมายุอยู่  ก็จะดำรงอยู่ได้ถึงกัลปหนึ่ง  หรือยิ่งกว่า  เพราะเหตุนั้น  ข้าพระองค์จึงได้กราบทูลวิงวอนอาราธนาถึง ๓ ครั้งดังนี้"


.........................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น