ในกาลนั้น นายจุนท์ได้สดับข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาสถิตอยู่ในสวนของตน ก็มีความยินดี ได้นำสักการะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ถวายนมัสการแล้วนั่ง ณ ที่ควร พระบรมศาสดาตรัสพระธรรมเทศนาโปรดให้นายจุนท์ชื่นชมโสมนัสและบรรลุโสดาปัตติผล นายจุนท์ได้กราบทูลนิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้ากับทั้งพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย ให้เข้าไปรับอาหารบิณฑบาตยังนิเวศน์ของตน พระบรมศาสดาทรงรับด้วยดุษณีภาพ
ครั้นนายจุนท์ทราบในพุทธอัธยาศัยแล้ว ก็กลับคืนสู่นิเวศน์ ให้ตกแต่งขาทนียะและโภชนียาหาร กับทั้งสุกรมัทวะ (เนื้อสุกรอ่อน) ประกอบด้วยรสอันเอมโอชาแต่ในเวลาราตรี ครั้นรุ่งเช้านายจุนท์ได้ออกไปทูลอัญเชิญเสด็จพระบรมศาสดา
พระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ ได้เสด็จไปยังนิเวศน์ของนายจุนท์ ประทับนั่งบนพุทธาอาสน์แล้ว ตรัสแก่นายจุนท์ว่า "สุกรมัทวะซึ่งท่านตกแต่งไว้นั้น จงอังคาสเฉพาะแต่ตถาคตผู้เดียว ที่เหลือนั้นให้ขุดหลุมฝังเสีย และจงอังคาสภิกษุทั้งหลายด้วยอาหารอย่างอื่น ๆ เถิด" นายจุนท์ก็กระทำตามพระพุทธบัญชา ครั้นเสร็จภัตตกิจแล้วก็ตรัสอนุโมทนา ให้นายจุนท์ปสาทะเบิกบานในไทยทานที่ถวายแล้ว ก็เสด็จกลับไปสู่อัมพวัน
เมื่อพระพุทธองค์ ทรงเสวยภัตตาหารของนายจุนท์ในวันนั้น ก็ทรงประชวรพระโรค "โลหิตปักขันทิกาพาธ" มีกำลังกล้า ลงพระโลหิตเกิดทุกขเวทนามาก แสดงปุพพกรรมที่ทรงทำไว้ในชาติก่อนแก่พระอานนท์ แล้วตรัสว่า "อานนท์ มาเราจะไปเมืองกุสินารานคร" พระอานนท์รับพระบัญชาแจ้งให้พระสงฆ์ทั้งหลายเตรียมตามเสด็จพร้อมแล้ว
................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น