ในลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงพระดำริว่า "พระพุทธเจ้าแด่ปางก่อนนั้น
หลังจากทรงทำยมกปาฏิหาริย์แล้ว เสด็จไปจำพรรษา ณ ที่ใด ? " ครั้นทรงทราบ
ด้วยพระอตีตังสญาณว่า "พระพุทธเจ้าทั้งหลาย แต่ปางก่อนทุก ๆ พระองค์ เมื่อ
ได้ทำยมกปาฏิหาริย์แล้ว ย่อมเสด็จขึ้นไปจำพรรษา ณ ดาวดึงส์สุราลัยเทวโลก
แสดงธรรมโปรดพระพุทธมาดา สนองพระคุณด้วยกตัญญุตกเวทิตาธรรม อันบริบูรณ์
อยู่ในพระหฤทัย" แล้วทรงดำริสืบไปว่า "แม้พระองค์ก็จะทรงปฏิบัติเช่นนั้น" ก็แหละ
ครั้นทรงดำริแล้ว ในขณะนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าก็เสด็จลุกจากรัตนบัลลังก์ อันตั้งอยู่
เหนือยอดคัณฑามพพฤกษ์ เสด็จจากสถานที่นั้นไปโดยพลันเหมือนดวงจันทร์ในวันเพ็ญ
หลบหายเข้าไปในกลีบเมฆแฝ่นใหญ่ ขึ้นไปปรากฏพระกายประทับนั่งบนปัณฑุกัมพล-
ศิลาอาสน์ ภายใต้ร่มไม้ปาริชาติ ณ ดาวดึงส์สวรรค์เทวโลก
ในลำดับนั้น ท้าวสหัสสนัยน์เทวราช ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จขึ้นมาประทับยัง
เทวโลกสถาน ก็ทรงเกษมศานต์โสมนัส ประนมหัตถ์ถวายอภิวาทแล้วก็ขอประทาน
โอกาสออกไปประกาศให้เทพยดาทั้งหลายทุกชั้นฟ้า มาสันนิบาตประชุมกันเฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้ารอบพระแท่นปัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ เพื่อสดับรับพระธรรมเทศนา
ส่วนพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระประสงค์จะให้พระพุทธมารดา เสด็จมาสู่่ที่ประชุม-
เทพยดานั้น ครั้นมิได้ทอดพระเนตรเห็น จึงตรัสถามท้าวโกสีย์ว่า "พระพุทธมารดา
ของตถาคตอยู่ ณ ที่ใด ? " เมื่อท้าวสักกะทราบถึงพระพุทธอัธยาศัยเช่นนั้น จึงได้
ทูลลาขึ้นไปดุสิตเทวพิภพ เข้าเฝ้าพระมหามายาเทพเจ้า ทูลอัญเชิญให้เสด็จไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตามพุทธประสงค์
ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธมารดาเสด็จมาประทับในเทวสมาคม
เช่นนั้นแล้ว ก็ทรงโสมนัส ตรัสอัญเชิญให้เสด็จมาในที่ใกล้ แล้วทรงประกาศซึ่งพระคุณ
ของมารดาอันยิ่งใหญ่ไพศาลสุดจะคณนาให้ปรากฏในเทวสมาคม
ในลำดับนั้น ก็ทรงแสดงอภิธรรม ๗ พระคัมภีร์ โปรดพระพุทธมารดาตลอดไตรมาส
ให้เทพยดาในโลกธาตุที่มาประชุมฟังธรรมอยู่ในที่นั้น ได้บรรลุมรรคผลสุดที่จะประมาณ
ในอวสานกาลเป็นที่จบคัมภีร์มหาปัฏฐาน ซึ่งเป็นพระประสงค์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ที่ได้ทรงตั้งพระทัยขึ้นมาสนองพระคุณพระพุทธมารดา
........................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น