กาลเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำยมกปาฏิหาริย์แล้ว เสด็จขึ้นไปจำพรรษ
ณ เทวโลกดาวดึงส์สถานโดยฉับพลัน ครั้งนั้นมหาชนที่ประชุมกันชมปาฏิหาริย์
กำลังมีความเบิกบานเลื่อมใส ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจากไปโดยฉับพลัน
เช่นนั้น ย่อมเป็นเหมือนดังดวงอาทิตย์ หรือดวงจันทร์หลบหายเข้าไปในผืนแผ่น
เมฆอันหนาแน่น มัวมืดลงไปทันทีทันใดนั้น ชนทั้งหลายก็เศร้าโศกปริเทวนาการ
จึงพากันเข้าไปถามพระมหาโมคคัลลาเถระว่า "พระผู้มีพระภาคเสด็จไปอยู่ที่ใด"
พระโมคคัลลานเถระ แม้จะรู้ดีอยู่แล้ว แต่เพื่อประกาศเกียรติคุณของพระอนุรุธเถระ
จึงกล่าวว่า "ขอท่านทั้งหลายไปถามพระอนุรุธเถระดูเถิด" คนทั้งหลายเหล่านั้น
จึงพากันไปหาพระอนุรุธเถระ แล้วเรียนถามท่าน พระเถระเจ้าจึงบอกว่า "พระผู้มี-
พระภาคเจ้า เสด็จขึ้นไปจำพรรษาที่ปัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ในดาวดึงส์เทวโลก
เพื่อตรัสพระธรรเทศนา อภิธรรม ๗ คัมภีร์โปรดพระพุทธมารดา" "ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อใดเล่า พระองค์จึงจะเสด็จลงมา ? " "ดูก่อนท่านทั้งปวง พระผู้มีพระภาคเจ้า
จะต้องแสดงธรรมแก่ทวยเทพยดาในดาวดึงส์เทวโลกถึง ๓ เดือน ต่อเมื่อ
วันมหาปวารณา จึงจะเสด็จลงมาสู่มนุษย์โลก"
ชนทั้งหลายจึงกล่าวแก่พระมหาโมคคัลลานเถระว่า "ถ้าพวกข้าพเจ้ามิได้เห็นองค์
พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จะไม่ไปจากที่นี่" แล้วก็ชวนกันตั้งทับและโชมโรมที่อาศัย
ตามอัธยาศัยองตน ๆ ตั้งจิตอธิษฐานปาฏิหาริย์อุโบสถตลอดไตรมาสเสมอกัน
แท้จริง ก่อนแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสด็จขึ้นไปเทวโลก ก็ทรงทราบถึงเหตุการณ์
นี้ดีแล้ว ฉะนั้น จึงได้ตรัสสั่งให้พระมหาโมคคัลลานเถระเอาเป็นธุระแสดงธรรม
และให้จุลอนาถบิณฑิกะเอาธุระสงเคราะห์ด้วยโภชนาหารแก่มหาชน อันประชุมอยู่
ณ ที่นั้นตลอดเวลา
ครั้นกาลใกล้ตะถึงวันปาวารณายังอีก ๗ วัน ชนเหล่านั้นจึงพากันไปหาพระมหา-
โมคคัลลานเถระ เรียนถามว่า "พระผู้เป็นเจ้าควรจะกรุณาให้พวกข้าพเจ้าทั้งหลาย
ได้ทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสด็จลง ณ ที่ไหน เมื่อใดแน่" หากข้าพเจ้าทั้ง
หลายมิได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จะไม่ไปจากที่นี้"
พระโมคคัลลานเถระกล่าวว่า "เรื่องนี้จะต้องทูลพระบรมศาสดาจึงจะทราบได้"
พระมหาโมคคัลลานเถระจึงสำแดงปาฏิหาริย์ ขึ้นไปบนเทวโลกเข้าเฝ้าพระผู้มี-
พระภาคเจ้า ณ ปัณฑทุกัมพลศิลาอาสน์ ทูลถามว่า "บัดนี้บริษัททั้งหลายใคร่จะเห็น
พระผู้มีพระภาคเจ้า หากไม่ได้เห็นแล้วก็จะไม่ไปจากที่นั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ในกาลใดพระเจ้าข้า พระองค์จะเสด็จลงสู่มนุษย์โลกและจะเสด็จลงที่สถานที่ใด ? "
พระบรมศาสดาจึงตรัสว่า "โมคคัลลานะ เวลานี้พระสารีบุตรพี่ชายของท่านอยู่
ณ ที่ใดเล่า ? "
"ท่านจำพรรษาอยู่ที่เมืองสังกัสสนคร พระเจ้าข้า"
"โมคคัลลานะ ถ้าเช่นนั้น ตถาคตจะลง ณ ที่ใกล้ประตูเมืองสังกัสสนครในวันมหา-
ปวารณา นับแต่นี้ไปอีก ๗ วัน โมคคัลลานะ ถ้าชนทั้งหลายใคร่จะเห็นตถาคต
ก็จงไปสู่ที่นั้นในเวลานั้นเถิด"
พระโมคคัลลานเถระรับพระพุทธบัญชาแล้ว ก็ลงมาแจ้งข้อความนั้นแก่ชนทั้งหลาย
ผู้ต้องการทราบเรื่องนี้อยู่
ครั้นถึงวันปุรณมี แห่งอัสสยุชมาส เพ็ญเดือน ๑๑ พระบรมศาสดาทรงปวารณา
พระวัสสาแล้ว จึงตรัสบอกแก่ท้าวสักกเทวราชว่า "ตถาคตจะลงไปสู่มนุษย์โลกในวันนี้
ท้าวโกสีย์จึงนิรมิตบันไดทิพย์ ๓ บันไดลงจากเทวโลก คือบันไดทองอยู่เบื้องขวา
บันไดเงินอยู่เบื้องซ้าย บันไดแก้วอยู่ท่ามกลาง เชิงบันไดทั้ง ๓ ประดิษฐานอยู่
ภาคพื้นปฐพีที่ใกล้ประตูเมืองสังกัสสนคร ศีรษะบันไดเบื้องบนจดยอดภูเขาสิเนรุราช
บันไดแก้วนั้นเป็นที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จลง บันไดทองเป็นที่เทพยดาทั้งหลาย
ตามลงมาส่งเสด็จ บันไดเงินเป็นที่พรหมทั้งหลายตามลงมาส่งเสด็จ ขณะนั้นเทพยดา
และพรหมทั้งหลาย ได้มาประชุมพร้อมกันบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าเต็มทั่วจักรวาล.
.....................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น