วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

เสด็จลงจากดาวดึงส์


กาลเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำยมกปาฏิหาริย์แล้ว  เสด็จขึ้นไปจำพรรษ
ณ  เทวโลกดาวดึงส์สถานโดยฉับพลัน  ครั้งนั้นมหาชนที่ประชุมกันชมปาฏิหาริย์
กำลังมีความเบิกบานเลื่อมใส  ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจากไปโดยฉับพลัน
เช่นนั้น  ย่อมเป็นเหมือนดังดวงอาทิตย์  หรือดวงจันทร์หลบหายเข้าไปในผืนแผ่น
เมฆอันหนาแน่น  มัวมืดลงไปทันทีทันใดนั้น  ชนทั้งหลายก็เศร้าโศกปริเทวนาการ
จึงพากันเข้าไปถามพระมหาโมคคัลลาเถระว่า  "พระผู้มีพระภาคเสด็จไปอยู่ที่ใด"

พระโมคคัลลานเถระ  แม้จะรู้ดีอยู่แล้ว  แต่เพื่อประกาศเกียรติคุณของพระอนุรุธเถระ
จึงกล่าวว่า  "ขอท่านทั้งหลายไปถามพระอนุรุธเถระดูเถิด"  คนทั้งหลายเหล่านั้น
จึงพากันไปหาพระอนุรุธเถระ  แล้วเรียนถามท่าน  พระเถระเจ้าจึงบอกว่า  "พระผู้มี-
พระภาคเจ้า เสด็จขึ้นไปจำพรรษาที่ปัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ในดาวดึงส์เทวโลก
เพื่อตรัสพระธรรเทศนา อภิธรรม ๗ คัมภีร์โปรดพระพุทธมารดา"  "ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อใดเล่า  พระองค์จึงจะเสด็จลงมา ? "  "ดูก่อนท่านทั้งปวง  พระผู้มีพระภาคเจ้า
จะต้องแสดงธรรมแก่ทวยเทพยดาในดาวดึงส์เทวโลกถึง  ๓  เดือน  ต่อเมื่อ
วันมหาปวารณา  จึงจะเสด็จลงมาสู่มนุษย์โลก"

ชนทั้งหลายจึงกล่าวแก่พระมหาโมคคัลลานเถระว่า  "ถ้าพวกข้าพเจ้ามิได้เห็นองค์
พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว  จะไม่ไปจากที่นี่"  แล้วก็ชวนกันตั้งทับและโชมโรมที่อาศัย
ตามอัธยาศัยองตน ๆ  ตั้งจิตอธิษฐานปาฏิหาริย์อุโบสถตลอดไตรมาสเสมอกัน

แท้จริง  ก่อนแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสด็จขึ้นไปเทวโลก  ก็ทรงทราบถึงเหตุการณ์
นี้ดีแล้ว  ฉะนั้น  จึงได้ตรัสสั่งให้พระมหาโมคคัลลานเถระเอาเป็นธุระแสดงธรรม
และให้จุลอนาถบิณฑิกะเอาธุระสงเคราะห์ด้วยโภชนาหารแก่มหาชน  อันประชุมอยู่
ณ  ที่นั้นตลอดเวลา

ครั้นกาลใกล้ตะถึงวันปาวารณายังอีก ๗ วัน  ชนเหล่านั้นจึงพากันไปหาพระมหา-
โมคคัลลานเถระ  เรียนถามว่า  "พระผู้เป็นเจ้าควรจะกรุณาให้พวกข้าพเจ้าทั้งหลาย
ได้ทราบว่า  พระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสด็จลง ณ ที่ไหน  เมื่อใดแน่"  หากข้าพเจ้าทั้ง
หลายมิได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว  จะไม่ไปจากที่นี้"

พระโมคคัลลานเถระกล่าวว่า  "เรื่องนี้จะต้องทูลพระบรมศาสดาจึงจะทราบได้"
พระมหาโมคคัลลานเถระจึงสำแดงปาฏิหาริย์  ขึ้นไปบนเทวโลกเข้าเฝ้าพระผู้มี-
พระภาคเจ้า  ณ  ปัณฑทุกัมพลศิลาอาสน์  ทูลถามว่า  "บัดนี้บริษัททั้งหลายใคร่จะเห็น
พระผู้มีพระภาคเจ้า  หากไม่ได้เห็นแล้วก็จะไม่ไปจากที่นั้น  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ในกาลใดพระเจ้าข้า พระองค์จะเสด็จลงสู่มนุษย์โลกและจะเสด็จลงที่สถานที่ใด ? "

พระบรมศาสดาจึงตรัสว่า  "โมคคัลลานะ  เวลานี้พระสารีบุตรพี่ชายของท่านอยู่
ณ ที่ใดเล่า ? "

"ท่านจำพรรษาอยู่ที่เมืองสังกัสสนคร  พระเจ้าข้า"

"โมคคัลลานะ  ถ้าเช่นนั้น  ตถาคตจะลง  ณ ที่ใกล้ประตูเมืองสังกัสสนครในวันมหา-
ปวารณา  นับแต่นี้ไปอีก ๗ วัน  โมคคัลลานะ  ถ้าชนทั้งหลายใคร่จะเห็นตถาคต
ก็จงไปสู่ที่นั้นในเวลานั้นเถิด"

พระโมคคัลลานเถระรับพระพุทธบัญชาแล้ว  ก็ลงมาแจ้งข้อความนั้นแก่ชนทั้งหลาย
ผู้ต้องการทราบเรื่องนี้อยู่

ครั้นถึงวันปุรณมี  แห่งอัสสยุชมาส  เพ็ญเดือน ๑๑  พระบรมศาสดาทรงปวารณา
พระวัสสาแล้ว  จึงตรัสบอกแก่ท้าวสักกเทวราชว่า  "ตถาคตจะลงไปสู่มนุษย์โลกในวันนี้
ท้าวโกสีย์จึงนิรมิตบันไดทิพย์ ๓ บันไดลงจากเทวโลก  คือบันไดทองอยู่เบื้องขวา
บันไดเงินอยู่เบื้องซ้าย  บันไดแก้วอยู่ท่ามกลาง  เชิงบันไดทั้ง ๓  ประดิษฐานอยู่
ภาคพื้นปฐพีที่ใกล้ประตูเมืองสังกัสสนคร  ศีรษะบันไดเบื้องบนจดยอดภูเขาสิเนรุราช
บันไดแก้วนั้นเป็นที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จลง  บันไดทองเป็นที่เทพยดาทั้งหลาย
ตามลงมาส่งเสด็จ  บันไดเงินเป็นที่พรหมทั้งหลายตามลงมาส่งเสด็จ  ขณะนั้นเทพยดา
และพรหมทั้งหลาย  ได้มาประชุมพร้อมกันบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าเต็มทั่วจักรวาล.


.....................................















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น