วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

พระปิณโฑลภารทวาชะทำปาฏิหาริย์ (ตอน ๑)



พระมหาโมคคัลลานะได้ปราศรัยกับพระปิณโฑลภารทวาชะว่า  "ได้ยินไหมท่าน?  ผู้คนกำลังกล่าวดูหมิ่นพระศาสนา  เป็นการเสื่อมเสียถึงเกียรติพระบรมศาสดา  ตลอดถึงพระอรหันต์ทั้งหลายด้วย  ฉะนั้นนิมนต์ท่านเหาะไปเอาบาตรไม้จันทน์แดงลูกนั้นเสียเถิด  จะได้เปลื้องคำนินทาว่าร้ายนั้นเสีย"  เมื่อพระปิณโฑลภารทวาชะได้โอกาสจากพระมหาโมคคัลลานะผู้เป็นอัครสาวกเช่นนั้นแล้ว  ก็เข้าสู่จตุตถฌาน  อันเป็นที่ตั้งแห่งอภิญญา  ทำอิทธิปาฏิหาริย์เหาะขึ้นไปในอากาศ  กับทั้งแผ่นหินใหญ่  ซึ่งยืนเหยียบอยู่นั้นด้วย  เลื่อนลอยไปดุจปุยนุ่นปลิวไปตามสายลม  พระเถรเจ้าเหาะเวียนรอบพระนครราชคฤห์  ปรากฏแก่มหาชนทั่วไป  ชนทั้งหลายพากันเอิกเกริกร้องชมปาฏิหาริย์เสียงลั่นสนั่นไป

ครั้นพระมหาเถรเจ้าเหาะเวียนได้  ๗  รอบแล้ว  ก็สลัดแผ่นหินที่เหยียบอยู่นั้นให้ปลิวตกไปยังที่เดิม  แล้วเหาะมาลอยอยู่เบื้องบนแห่งเรือนท่านราชคฤห์เศรษฐ์นั้น

เมื่อท่านเศรษฐีได้เห็นเช่นนั้น  ก็เกิดปีติเลื่อมใสสุดที่จะประมาณ  ได้หมอบกราบจนอุระจรดถึงพื้น  แล้วร้องอาราธนาพระเถรเจ้า  ให้ลงมาโปรด  เมื่อพระปิณโฑลภารทวาชะลงมานั่งบนอาสนะ  ที่ท่านเศรษฐีได้จัดตกแต่งไว้เป็นอันดีแล้ว  ท่านเศรษฐีก็ให้เอาบาตรไม้จันทน์แดงนั้น  ลงมาบรรจุอาหารอันประณีตลงในบาตรนั้นจนเต็ม  แล้วน้อมถวายพระเถรเจ้าด้วยคารวะอันสูง  พระเถรเจ้ารับบาตรแล้ว  ก็บ่ายหน้ากลับยังวิหาร

ฝ่ายชนทั้งหลายที่ไปธุรกิจในที่อื่นเสีย  กลับมาไม่ทันได้เห็นปาฏิหาริย์นั้น  ก็รีบพากันติดตามพระเถรเจ้าไปเป็นอันมาก  ร้องขอให้ท่านเมตตาแสดงปาฏิหาริย์ต่าง ๆ  ให้ชมบ้าง  พระเถรเจ้าก็แสดงปาฏิหาริย์ให้ชนทั้งหลายนั้นชมตามปรารถนา  แล้วไปสู่วิหาร

พระบรมศาสดาได้ทรงสดับเสียงมหาชนอึ้งอืง  ติดตามพระปิณโฑลภารทวาชะมาเช่นนั้น  จึงตรัสถามพระอานนท์ว่า  "เสียงอะไร"  พระอานนท์ก็กราบทูลให้ทรงทราบ  จึงรับสั่งให้พาพระปิณโฑลภารทวาชะมาถาม  ครั้นทรงทราบความแล้ว  ก็ทรงตำหนิว่า  เป็นการไม่สมควร  แล้วโปรดให้ทำลายบาตรไม้จันทน์แดงนั้น  ย่อยให้เป็นจุณ  แจกแก่พระสงฆ์ทั้งหลายบดให้เป็นโอสถใส่จักษุ  ทั้งทรงบัญญัติห้ามสาวกทำปาฏิหาริย์สืบไป

ฝ่ายเดียรถีย์ทั้งหลายได้ทราบเหตุนั้นแล้ว  ก็พากันดีใจ  คิดเห็นไปว่าตนได้โอกาสจะยกตนแล้ว  ก็ให้เที่ยวประกาศว่า  "เราจะทำปาฏิหาริย์แข่งฤทธิ์กับพระสมณโคดม"

ครั้นพระเจ้าอชาตศัตรูราชทรงสดับข่าวนั้น  ก็เสด็จไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า  กราบทูลว่า  "ได้ทราบว่า  พระองค์ทรงบัญญัติห้ามพระสาวกทำปาฏิหาริย์หรือประการใด"  เมื่อพระบรมศาสดาทรงรับว่า  "เป็นจริงอย่างที่ทรงทราบ"  ก็ทูลต่อไปอีกว่า  "บัดนี้  พวกเดียรถีย์ทั้งหลายกำลังเตรียมการทำปาฏิหาริย์ พระองค์จะทำประการใด ? "   "ดูกรมหาบพิตร"  ทรงรับสั่ง  "ถ้าเดียรถีย์ทำปาฏิหาริย์  ตถาคตก็จะทำบ้าง"    "ข้าแต่พระสุคต  ก็พระองค์ทรงบัญญัติห้ามทำปาฏิหาริย์แล้วมิใช่หรือ ? "   "จริงอย่างมหาบพิตรรับสั่ง  แต่ตถาคตจะถามพระองค์บ้าง  พระราชอุทยานของมหาบพิตรทั้งหลายนั้น  ถ้าคนทั้งหลายมาบริโภคผลไม้ต่าง ๆ  มีผลมะม่วงเป็นต้น  ในพระราชอุทยานนั้น  พระองค์จะทำอันใดแก่ชนทั้งหลายเหล่านั้น"   "ข้าแต่พระสุคต  ข้าพระองค์จะให้ลงทัณฑ์แก่คนเหล่านั้น"   "ดูกรมหาบพิตรผิว่าพระองค์เสวยผลไม้ในพระราชอุทยานนั้นเล่า  ควรจะได้รับอาชญาหรือไม่ประการใด ? "   "ข้าแต่พระบรมครู  ข้าพระองค์เป็นเจ้าของ
บริโภคได้ไม่มีโทษ"   "ดูกรมหาบพิตร  ตถาคตก็เป็นฉันนั้นเหมือนกัน  เหตุนั้น  ตถาคตจึงจะทำยมกปาฏิหาริย์  ตามเยี่ยงอย่างพุทธประเพณีสืบมา"

พระเจ้าอชาตศัตรูได้ทูลถามว่า  "เมื่อใด  พระองค์จะทรงทำปาฏิหาริย์ "


............................................

(ยังมีต่อ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น