ครั้งนั้น อนาถบิณฑิกมหาเศรษฐี ผู้อยู่ในเมืองสาวัตถี มาที่พระนครราชคฤห์ด้วยธุรกิจอย่างหนึ่ง พักอยู่ที่นิเวศน์ของท่านราชคฤห์เศรษฐี ผู้เป็นน้องชายแห่งภริยาของท่าน ได้สดับพระธรรมเทศนาบรรลุโสดาปัตติผล ได้ถวายทานแก่พระภิกษุสงฆ์ มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แล้วกราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดา ให้เสด็จประกาศพระพุทธศาสนายังนครสาวัตถีพร้อมกับกราบทูลว่า จะจัดสร้างพระวิหารถวายให้เป็นสังฆาราม ครั้นพระบรมศาสดาทรงรับอาราธนาแล้ว ท่านอนาถบิณฑิกมหาเศรษฐีก็รีบล่วงหน้าไปบริจาคทรัพย์ซื้อที่ดินอันเป็นอุทยานของพระราชกุมารพระนามว่า "เชต" โดยวิธีให้คนขนเอาเงินมาลาดลงให้เต็มพื้นที่นั้นตามสัญญา สิ้นเงิน ๒๗ โกฏิ ทั้งพระราชกุมารเจ้าของที่ให้สัญญาขอให้จารึกพระนามของพระองค์ว่า "เชตวัน" ติดไว้ที่ซุ้มประตูพระอารามซึ่งเป็นส่วนของพระองค์สร้างอีกด้วย
ท่านมหาเศรษฐีได้บริจาคทรัพย์สร้างพระคันธกุฎี และเสนาสนะอันควรแก่สมณวิสัย พร้อมหมดทุกอย่างด้วยจำนวนเงินอีก ๒๗ โกฎิ เมื่อพระเชตวันวิหารสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ทูลอัญเชิญพระบรมศาสดาเสด็จมาจำพรรษา สมเด็จพระบรมศาสดาพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวก เสด็มาสถิตยังพระมหาวิหารเชตวัน ในความอุปถัมภ์บำรุงของพุทธบริษัท ท่านอนาถบิณฑิกมหาเศรษฐีเป็นประมุข พระศาสดาและพระสงฆ์ได้รับความสุขตามควรแก่ววิสัย ทรงแสดงธรรมโปรดพุทธบริษัททั้งหลายให้เลื่อมใส มั่นอยู่ในคุณพระรัตนตรัยเป็นอันมาก
ครั้งนั้น พระนันทะพุทธอนุชา เกิดความกระสันเป็นทุกข์ใจด้วยไม่มีความเลื่อมใสในการบรรพชา ครั้นพระศาสดาทรงทราบ จึงรับสั่งให้มาเฝ้า ตรัสถาม พระนันทะทูลความวา ตนมีจิตกำหนัดคิดถึงนางชน
ปทกับยาณี
ลำดับนั้น พระชินศรีจึงทรงจูงกรของพระอนุชา สำแดงอิทธานุภาพ พระนันทะขึ้นไปสู่ดาวดึงส์เทวโลก บันดาลให้เห็นแม่วานรตัวหนึ่งในระหว่างทาง แล้วทรงพาขึ้นไปให้เห็นนางเทพอัปสรกัญญาซึ่งมีกายงามวิจิตรเจริญตา กำลังดำเนินขึ้นไปเฝ้าท้าวสหัสสนัยยังเทพวิมาน จึงตรัสถามว่า "นันทะนางชน
ปทกัลยาณีที่เธอมีใจรัญจวนถึงนั้น กับนางอัปสรเหล่านี้นางไหนจะงามกว่ากัน"
พระนันทะกราบทูลว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค จะเอานางชนปทกัลยาณีมาเปรียบเทียบกับนางฟ้านั้นผิดกันไกล นางชนปทกัลยาณีหากจะเปรียบเทียบ ก็ได้เท่ากับแม่วานรในระหว่างเท่านั้น"
นันทะ ผิว่าเธอยินดีรักใคร่นางฟ้าทั้งหลายนี้ ตถาคตรับรองจะช่วยให้ได้นางฟ้าสำเร็จตามความปรารถนาของเธอ"
"ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระภาคเป็นอันงาม ถ้าพระองค์จะทรงพระกรุณาช่วยให้ข้าพระองค์ได้นางฟ้านี้สมความปรารถนาแล้วไซร้ ข้าพระองค์ยินดีจะอยู่ในเพศพรหมจรรย์ ไม่รัญจวนจิตคิดออกไป"
พระบรมศาสดาตรัสว่า "นันทะ ตถาคตรับรอง" แล้วก็ทรงพาพระนันทะอันตรธานจากเทวโลก มาปรากฏ ณ พระเชตวัน
ดังนั้น บรรดาภิกษุที่เป็นเพื่อนนันทะทราบเหตุ ต่างพากันพูดเคาะพระนันทะว่า "ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อนางฟ้า โดยมีพระบรมศาสดาเป็นผู้รับรองจะสงเคาห์ให้" พระนันทะคิดละอายใจ จึงหลีกออกไปอยู่ในที่สงัด บำเพ็ญสมณธรรมแต่ผู้เดียว ไม่ช้าก็ได้บรรลุพระอรหัตตผล รุ่งขึ้นก็เฝ้าพระบรมศาสดา กราบทูลให้พระองค์พ้นจากการรับรองในการประพฤติพรหมจรรย์เพื่อนางฟา ทุกประการ.
.......................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น