วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ศากยราช ๖ พระองค์ออกบวช (ตอน ๑)


วันหนึ่ง  พระบรมศาสดาเสด็จจาริกมายังมหาชนบท  ประทับอยู่ที่อนุปิยอัมพวัน  ใกล้บ้านอนุปิยมัลลนิคม  แขวงเมืองพาราณาสี  ครั้งนั้น  เจ้าศากยะพระนามว่า  มหานามะ  ผู้เป็นพระโอรสของพระเจ้าอมิโตทนะ  ผู้เป็นพระเจ้าอาว์ของพระบรมศาสดา  เข้าไปหาพระอนุรุทธะ  ผู้เป็นอนุชา  ทรงปรารภว่า  "ในตระกูลเรา  ยังไม่มีใครออกบวชตามเสด็จพระบรมศาสดาเลย  ฉะนั้น  ในเราสองคน คือ  อนุรุทธ์กับพี่  จะต้องออกบวชคนหนึ่ง  พี่จะให้อนุรุทธ์เลือกเอา  อนุรุทธ์จะบวชหรือจะให้พี่บวช

เนื่องจากพระอนุรุทธะ  เป็นพระโอรสพระองค์เล็ก  ของพระเจ้าอมิโตทนะ พระมหามารดารักมาก  ทั้งเป็นกษัตริย์สุขุมาลชาติ  มีบุญมากได้รับความรักใคร่เมตตาปรานีจากพระญาติทั้งหลายเป็นอันมาก  ดังนั้นอนุรุทธกุมารจึงทูลว่า  "หม่อมฉันบวชไม่ได้ดอก  ขอให้เจ้าพี่บวชเถอะ"

พระมหานามะจึงรับสั่งว่า  "ถ้าอนุรุทธะจะอยู่  ก็ต้องศึกษาเรื่องการครองเรือน  เรื่องบำรุงวงศ์ตระกูลให้จงดี"  และพระมหานามะ  ก็ถวายคำแนะนำการครองชีด้วยกสิกรรม  ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ  อนุรุทธกุมารฟังแล้วระอาในการงานไม่รู้จักจบ  ต้องทำติดต่อกันไปไม่รู้สิ้น  จึงรับสั่งว่า  "ถ้าเช่นนั้นให้เจ้าพี่อยู่เถอะ  หม่อมฉันจะบวชเอง  รำคาญที่ต้องไปวุ่นอยู่กับงานไม่รู้จักจบ  ต้องทำติดต่อกันไปไม่รู้สิ้น"  รับสั่งแล้วก็ลาพระมารดา  ขออนุญาตบรรพชาตามพระบรมศาสดา  พระมารดาตรัสห้ามถึง  ๓  ครั้ง  ภายหลังทรงอนุญาตเป็นนัยว่า  "ถ้าภัททิยราชกุุมารผู้เป็นโอรสของพระนางกาฬีโคธาศากยวงศ์ผู้เป็นเพื่อนเล่นที่สนิทสนมของพ่อจะออกบวช  พ่อจะบรรพชาด้วยก็ตามเถิด  พระอนุรุทธะก็ไปชวนพระภัททิยะ  ให้ออกบวชด้วยกัน  แต่วิงวอนชวนอยู่ถึง ๗ วัน  พระภัททิยะจึงบอกปฏิญญาว่าจะบวชด้วย  อานนทฺ์ ๑  พระภัคคุ ๑  พระกิมพิละ ๑  พระเทวทัต ๑  ได้พร้อมใจกันจะออกบวชบรรพชา  ชวนอุบาลี อำมาตย์ ช่างกัลบก รวมเป็น ๗ ด้วยกัน  เดินทางไปสู่มัลลรัฐชนบท  เข้าเฝ้าพระบรมศาสดาที่อนุปิยะอัมพวัน  ถวายอภิวาทแล้ว  ขอประทานบรรพชาอุปสมบท

อนึ่ง  ก่อนแต่พระบรมศาสดาจะทรงประทานบรรพชา  พระอนุรุทธะได้กราบทูลว่า  "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค  ข้าพระองค์เป็นกษัตริย์  สูงด้วยขัตติยมานะอันกล้า  ขอให้พระองค์ประทานบรรพชาแก่อุบาลี  อำนาตย์ผู้รับใช้ส้อยติดตามของมวลข้าพระองค์ก่อน  ให้ข้าพระองค์ทั้งหลายได้บรรพชาต่อภายหลังจะได้คารวะไหว้นบ   เคารพนับถืออุบาลี  ผู้บวชแล้วก่อน  บรรเทาขัตติยมานะให้บางเบาจากสันดาน

พระบรมศาสดาจึงได้ประทานอุปสมบทแก่อุบาลี  กัลบกก่อน  แล้วจึงประทานอุปสมบทแก่ ๖ กษัตริย์ในภายหลัง  พระภัททิยะ นั้นได้สำเร็จไตรวิชาพระอรหัตผล  ในพรรษานั้น  พระอนุรุทธะ  ได้บรรลุทิพยจักขุญาณ  ก่อนภายหลังได้ฟังพระธรรมเทสนา  มหาปุริสวิตักกสูตร  จึงสำเร็จและพระกิมพิละเจริญวิปัสสนากรรมฐาน  ได้บรรลุพระอรหัตผล  ส่วนพระเทวทัตนั้น  ได้บรรลุปุถุชนฤทธิ์  อันเป็นของโลกิยบุคคล

สมัยหนึ่ง  พระบรมศาสดาเสด็จจารึกไปประทับ  ณ  เมืองโกสัมพี  ครั้งนั้นลาภสักการะ มี จีวร  บิณฑบาต  เภสัช  อัฏฐบาน เป็นต้น  เข้ามาสู่วิหาร  ถวายแก่พระสงฆ์สาวกเป็นเนืองนิตย์  ส่วนมากทุก ๆ  คนที่มา  ย่อมถามถึงแต่พระอัครสาวกทั้งสองและพระสาวกองค์อื่น ๆ  ว่าท่านอยู่  ณ  ที่ใด  แล้วก็พากันไปเคารพนบไหวสักการบูชา  ไม่มีใครถามถึงพระเทวทัตแม้แต่ผู้เดียว

พระเทวทัตเกิดความโทมนัสน้อยใจ  ตามวิสัยของปุถุชนจำพวกที่มากด้วยความอิจฉา  ริษยา  คิดว่า  เราก็เป็นกษัตริย์ศากยราชสกุลเหมือนกัน  อกบรรพชาด้วยกันกับกษัตริย์ขัตติยวงศ์นั้น  ๆ  แต่ไม่มีใครนับถือถามหา  น่าน้อยใจ


(ยังมีต่อ...)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น