วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ศากยราช ๖ พระองค์ออกบวช (ตอน ๒)


เมื่อคิดดังนี้แล้ว  ก็เกิดตัณหาในลาภสักการะเข้าครอบงำจิต  คิดใคร่จะได้ลาภสักการะ  สัมมานะ เคารพนับถือ  แล้วก็คิดต่อไปว่า  เราจะทำบุคคลผู้ใดให้เลื่อมใสกราบไหว้บูชาดีหนอ  จึงจะบังเกิดลาภสักการะ  ครั้นคิดต่อไปก็มองเห็นอุบายทันทีว่า  พระอชาตสัตตุราชกุมาร  พระโอรสของพระเจ้าพิมพิสารนั้น  ยังทรงพระเยาว์  ยังไม่รอบรู้คุณและโทษแห่งบุคคลใด  ๆ  ควรจะไปคบหาด้วยกับพระราชกุมารนั้นเถิด
ลาภสักการะก็จะพลันบังเกิดเป็นอันมาก

ครั้นดำริดังนั้นแล้ว  ก็หลีกจากเมืองโกสัมพีไปสู่เมืองราชคฤห์  แล้วนิรมิตกายเป็นกุมารน้อย  เอาอสรพิษ ๔ ตัว  ทำเป็นอาภรณ์ประดับมือและเท้าขดทำเป็นเทริดบนศีรษะ ๑ ตัว  ทำเป็นสังวาลพันกาย ๑ ตัว สำแดงปาฏิหาริย์ด้วยปุถุชนฤทธิ์ของตน  ลอยลงจากอากาศปรากฏกายอยู่เฉพาะหน้าพระอชาตสัตตุราชกุมาร

ครั้นพระราชกุมารตกใจกลัว  ก็ทูลว่า  "อาตมา คือ  พระเทวทัต"  แล้วเจรจาเล้าโลมให้พระราชกุมารหายกลัว  สำแดงกายเป็นพระสงฆ์ทรงไตรจีวรและบาตร  ยืนอยู่ตรงพระพักตร์พระราชกุมาร  เมื่อพระราชกุมารเห็นปฏิหาริย์เช่นนั้น  ก็ทรงเลื่อมใส เคารพนับถือ  ถวายลาภสักการะบูชาเป็นอันมาก

ภายหลัง  พระเทวทัตเกิดบาปจิตคิดใฝ่สูงด้วยอำนาจตัณหา  มานะครอบงำจิตคิดผิดไปว่า  เราสมควรจะเป็นผู้ครองพระภิกษุสงฆ์ทั้งปวง  พอดำริดังนั้น  ปุถุฤทธิ์ของตนก็เลื่อมสูญพร้อมกับจิตตุบาท  ครั้นคิดดังนั้นแล้ว  ก็เดินทางมาเฝ้าพระบรมศาสดา  ซึ่งเสด็จประทับอยู่ที่พระเวฬุวันวิหาร  ณ เมืองราชคฤห์  ในเวลาที่พระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมแก่มวลพุทธบริษัท  ซึ่งพระเจ้าพิมพิสารมหาราชประทับเป็นประธานอยู่  เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้ว  พระเทวทัตได้กราบทูลว่า  "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค  บัดนี้  พระองค์ทรงชราภาพแล้ว  จงเสวยทิฏฐธรรมสุขวิหาร  สำราญพระกมล  มีความขวนขวายน้อยเถิด  ข้าพระองค์จะได้ว่ากล่าวสั่งสอนแทนพระองค์สืบไป"

ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงสดับ  จึงตรัสห้ามว่า  "ไม่ควร" ไม่ทรงอนุญาตให้เป็นไปตามความปรารถนาของพรเทวทัต  พระเทวทัตก็โทมนัส  ผูกอาฆาตในพระบรมศาสดา  จำเดิมแต่นั้นมา  พระบรมศาสดาได้ทรงประกาศความประพฤติอันไม่ดีงามของพระเทวทัต  ซึ่งเกิดขึ้นด้วยจิตลามกให้พระสงฆ์ทั้งหลายทราบ  เพื่อให้ภิกษุที่ยังเป็นปุถุชนอยู่จะได้สังวรระวังจิตมิให้วิปริตไปตาม

ต่อมาพระเทวทัตคิดการใหญ่  ปรารถนาจะทำอันตรายแก่พระผู้มีพระภาค  จึงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าอชาตสัตตุราชกุมาร  แล้วอุบายทูลว่า  "แต่ก่อนมนุษย์ทั้งหลายมีอายุยืน  บัดนี้  อายุของมุษย์น้อยถอยลง  หากพระองค์สิ้นพระชนม์เสียก่อนพระราชบิดาแต่เวลายังหนุ่มอยู่แล้ว  ไฉนพระองค์จะได้รับราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์  เสวยพระราชสมบัติสมดังพระทัยที่ปรารถนาไว้เล่า  ฉะนั้น พระองค์จงปลงพระชนม์พระราชบิดา  จัดการสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์  เสวยราชย์สมบัติเสียตั้งแต่บัดนี้เถิด  แม้อาตมาก็จะฆ่าพระสมณโคดมเสีย  จะได้เป็นพระบรมศาสดาปกครองพระสงฆ์ทั้งปวงเช่นเดียวกัน


...........................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น