วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

โปรดอัครสาวก (ตอนที่ ๔)


พระเถระเจ้าตอบว่า  "ดูกร  ปริพพาชก  พระมหาสมณะศากยบุตรเสด็จออกบรรพชาจากศากยราชตระกูล  พระองค์นั้น เป็นบรมครูของฉัน  ฉันบวชต่อพระศาสดาพระองค์นั้น  และเล่าเรียนธรรมในพระศาสดาพระองค์นั้นแล"  อุปติสสปริพพาชกจึงเรียนถามต่อไปว่า  "อาจารย์ของท่านทั้งสอนธรรมอย่างไร แก่ท่าน ?

พระเถระเจ้าดำริว่า  ธรรดาปริพพาชกย่อมเป็นปฏิปักษ์ต่อพระศาสนา  ควรอาตมะจะแสดงคุณแห่งพระศาสนา  โดยความเป็นธรรมลึกซึ้งและประณีตสุขุมเถิด  ครั้นแล้วจึงตอบว่า  "ดูกร  ปริพพาชก  อาตมะเพิ่งบวชใหม่  ไม่อาจแสดงธรรมวินัยโดยพิสดารแก่เธอได้ดอก"  อุปติสสปริพพาชกจึงเรียนปฏิบัติท่านว่า  "ข้าพเจ้าชื่อว่า  อุปติสสะ  ขอให้พระเถระเจ้ากรุณาบอกธรรมเพียงแต่ย่อ ๆ เถิด"

พระอัสสชิเถรเจ้า  กล่าวคาถาแสดงวัถุประสงค์ของพระศาสนาว่า  "เย  ธมฺมา เหตุปุปภวา"  เป็นอาทิ ความว่า  "ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งเหตุของธรรมเหล่านั้น  พระมหาสมณะตรัสสอนอย่างนี้"

อุปติสสปริพพาชกได้ปรีชาญาณหยั่งเห็นสัจธรรม  ถึงบรรลุโสดาปัตติผล  โดยสดับเทศนาหัวใจพระศาสนา ของพระเถรเจ้าเพียงคาถาหนึ่งเท่านั้น  แล้วเรียนท่านโดยคารวะว่า  "ข้าแต่ท่านอาจารย์  ขอประทานกรุณาหยุดเพียงนี้เถิด  อย่าแสดงต่อไปอีกเลย  เวลานี้พระบรมศาสดาของเราเสด็จอยู่ที่ไหน ?

พระเถรเจ้าบอกว่า  "เวลานี้  พระบรมศาสดายังเสด็จประทับอยู่ที่พระเวฬุวันวิหาร"

"เป็นพระคุณหาที่สุดมิได้"  อุปติสสะอุทานวาจาด้วยความซาบซึ้งในธรรม  และในความกรุณาของพระเถรเจ้า  "นิมนต์ท่านอาจารย์ไก่อนเถิด แล้วข้าพเจ้าจะตามไปภายหลัง  ด้ววยข้าพเจ้าได้ให้สัญญาไว้กับโกลิตมาณพสหายที่รักว่า  ถ้าผู้ใดได้โมกขธรรมก่อน  จงบอกแก่กันให้รู้   ฉะนั้น ข้าพเจ้าจะกลับไปเปลื้องสัญญาเสียก่อน  แล้วจะพาสหายผู้นั้นไปสู่สำนักพระบรมศาสดาของเราต่อภายหลัง"  แล้วกราบพระเถรเจ้าด้วยเบญจางคประดิษฐ์ด้วยความเคารพ  กระทำประทักษิณเดินเวียน ๓ รอบ  แล้วส่งพระเถรเจ้าไปก่อน  ส่วนตนออกเดินบ่ายหน้าไปสู่ปริพพาชการาม

ส่วนโกลิตปริพพาชกเห็นสหายเดินมาแต่ไกล  จึงดำริว่า  ใบหน้าของสหายเราวันนี้  ดูเบิกบาน ผ่องใสยิ่งกว่าวันอื่น ๆ ชะรอยจะได้โมกขธรรมเป็นแน่แท้   ครั้นอุปติสสปริพพาชกเข้ามาใกล้  จึงถามตามความคิด  อุปติสสสก็บอกว่า  "ตนได้บรรลุโมกขธรรมแล้ว  มานี่ก็เพื่อบอกโมกขธรรมนั้นแก่สหาย ไห้เป็นไปตามสัญญาของเราที่ให้กันไว้้แต่แรก  ขอสหายจงตั้งใจฟังเถิด"  แล้วอุปติสสะก็แสดงคาถาหัวใจของพระศาสนา ซึ่งตนได้สดับมาจากพระอัสสชิเถรเจ้า  พออุปติสสะแสดงจบลง  โกลิตปริพพาชกก็ได้ปรีชาญาณหยั่งเห็นในอริยสัจจะ  บรรลุโสดาปัตติผลเช่นเดียวกับอุปติสสปริพพาชก

โกลิตะจึงกล่าวแก่อุปติสสะว่า  "เราทั้งสองได้บรรลุโมกขธรรมแล้ว  ควรจะไปสำนักของพระบรมศสดากันเถิด"  อุปติสสะเป็นผู้เคารพบูชาอาจารย์มาก  จึงตอบว่า  "ถูกแล้ว เราทั้งสองควรจะไปเฝ้าพระบรมศาสดาดังที่เธอกล่าว  แต่ก่อนจะจากสำนักนี้ไป  เราทั้งสองควรจะไปอำลาท่านสญชัยอาจารย์  แล้วหาโอกาสแสดงโมกขธรรมให้ฟัง  ถ้าอาจารย์ของเรามีวาสนาบารมี  ก็จะพลอยได้รู้โมกขธรรมด้วยกัน แม้ไม่ถึงอย่างนั้น  เพียงแต่ท่านเชื่อฟังแล้วพากันไปสู่สำนักพระบรมศาสดา  เมื่อได้ฟังธรรมเทศนาแล้ว  ก็จะได้บรรลุมรรคและผลตามวาสนาบารมีเป็นแน่่"


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น