วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ดาบสกาลเทวละเข้าเฝ้าพระโพธิสัตว์


 ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระองค์นั้น

พระโพธิสัตว์เพียงแต่ว่าคลอดออกจากครรภ์มารดาเท่านั้น  ก็เปร่งวาจาได้ในสามอัตภาพโดยอาการอย่างนี้.  เหมือนอย่างว่าในขณะถือปฏิสนธิฉันใด  แม้ในขณะอุบัติขึ้นก็ฉันนั้น.  บุรพนิมิต ๓๒ ประการก็ได้ปรากฎขึ้น  ก็ในสมัยพระโพธิสัตว์ของพวกเราอุบัติแล้วในลุมพินีวัน  ในสมัยนั้นนั่นแล  พระเทวีผู้เป็นพระราชมารดาของพระลาหุล  ฉะนั้นอำมาตย์กาฬุทายี  ราชกุมารอานนท์  พระยาม้ากัณฑฐกะ  มหาโพธิพฤกษ์  ขุมทรัพย์ ๔ ขุม ก็เกิดขึ้นพร้อมกัน  บรรดาขุมทรัพย์เหล่านั้น  ขุมทรัพย์หนึ่งมีประมาณคาวุตหนึ่ง ขุมหนึ่งประมาณกึ่งโยชน์  ขุมหนึ่งมีประมาณ ๓ คาวุต  ขุมหนึ่งมีประมาณโยชน์หนึ่ง  เพราะฉะนั้น  จึงรวมเป็นสหชาติ ๗ อย่างเหล่านี้.  พวกชาวเมืองลองนคร ต่างพาพระโพธิสัตว์กลับไปยังนครกบิลพัสดุ์เลยทีเดียว  ในวันนั้นนั่นเอง  ชุมนุมเทวดาในดาวดึงส์พิภพต่างร่าเริงยินดีว่า  พระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนมหาราช  อุบัติแล้วในนครกบิลพัสดุ์  พระราชกุมารนี้จักประทับนั่งที่ลานต้นโพธิ  แล้วจักเป็นพระพุทธเจ้าดังนี้  แล้วพากันไปโบกสะบัดผ้า (แสดงความยินดี) เล่นสนุกกัน

ในสมัยนั้น มีดาบสผู้คุ้นเคยกับตระกูลของพระเจ้าสุทโธทนมหาราช  ได้สำเร็จสมาบัติ ๘  ชื่อ กาลเทวละ
เขาฉันเสร็จสรรพแล้ว จึงเหาะไปยังดาวดึงส์พิภพ เพื่อพักผ่อนกลางวันในที่นั้น  เห็นเทวดาเหล่านั้น  จึงถามว่า เพราะเหตุไรพวกท่านจึงมีใจยินดีเล่นสนุกกันอย่างนี้  ขอได้โปรดบอกเหตุนั้นแก่อาตมภาพด้วย
พวกเทวดาได้บอกเหตุนั้นว่า  ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์  พระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะอุบัติขึ้นแล้ว  ในกาลนั้น พระองค์จักประทับนั่งที่ลานแห่งต้นโพธิ แล้วจักเป็นพระพุทธเจ้า ประกาศพระธรรมจักร  พวกข้าพเจ้าต่างยินดี  เพราะเหตุนี้ว่า  พวกเราจักได้เห็นพระพุทธลีลาอันหาที่สุดมิได้  และจักได้ฟังพระธรรมของพระองค์  ดาบสนั้นฟังคำของเทวดาแล้ว  ลงจากเทวโลกทันที เข้าไปยังพระราชนิเวศน์  นั่งบนอาสนะที่เขาปูไว้แล้ว  กราบทูลว่า  ข้าแต่มหาบพิตร  ได้ยินว่าพระราชโอรสของพระองค์อุบัติแล้ว  อาตมภาพอยากเห็นพระองค์  พระราชามีรับสั่งให้พาพระราชกุมารผู้ประดับประดาตกแต่งแล้ว มาทรงอุ้มไปเพื่อให้นมัสการดาบส  พระบาททั้งสองของพระโพธิสัตว์กลับไปประดิษฐานอยู่บนชฏาของดาบส  จริงอยู่ บุคคลอื่นที่ชื่อว่าพระมหาสัตว์จะพึงไหว้โดยอัตภาพนั้นไม่มี  ถ้าคนผู้ไม่รู้พึงวางศีรษะของพระโพธิสัตว์ที่บาทมูลของดาบส  ศีรษะของดาบสนั้นพึงแตกออก ๗ เสี่ยง

ดาบสคิดว่า  การทำคนของเราให้พินาศไม่สมควร  จึงลุกจากอาสนะแล้วประคองอัญชลีแก่พระโพธิสัตว์  พระราชาทอดพระเนตรเห็นเหตุอัศจรรย์นั้น  จึงทรงไหว้บุตรของตน.  ดาบสระลึกได้ชาติ ๘๐ กัป  คือ  อดีต ๔๐ กัป  ในอนาคต ๔๐ กัป  เห็นลักษณะสมบัติของพระโพธิสัตว์ จึงใคร่ครวญดูว่า  เธอจักได้เป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่หนอ  ทราบว่า จักได้เป็นพระพุทธเจ้าโดยมิต้องสงสัย  คิดว่า พระราชบุตรนี้เป็นอัจ
ฉริยบุรุษ จึงได้กระทำความยิ้มแย้มให้ปรากฏ  ต่อนั้นจึงใคร่ครวญดูว่า  เราจักได้ทันเห็นความเป็นพระพุทธเจ้านี้หรือไม่หนอ  ก็เห็นว่า เราจักไม่ได้ทันเห็น  จักตายเสียก่อนในระหว่างนั้นแหละ  แล้วจักบังเกิดในอรูปภพ  ที่พระพุทธเจ้าตั้งร้อยพระองค์ก็ดี ตั้งพันพระองค์ก็ดี ไม่สามารถที่จะเสด็จไปเพื่อให้ตรัสรู้ได้  ดังนี้แล้วจึงร้องไห้ลั่นไป.  พวกมนุษย์เห็นแล้ว จึงเรียนถามว่า  พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา เมื่อตะกี้นี้เอง หัวเราะแล้วกลับปรากฏร้องไห้อีกเล่า  ข้าแต่ท่านผู้เจริญ  อันตรายอะไรจักเกิดแก่พระลูกเจ้าของพวกเราหรือหนอ.  ดาบสตอบว่า  พระองค์ไม่มีอันตราย จักได้เป็นพระพุทธเจ้าโดยไม่ต้องสงสัย

ต่อจากนั้น ดาบสใคร่ควรอยู่ว่า  ในวงญาติของเรามีใครบ้าง จักได้เห็นความเป็นพระพุทธเจ้านั้น  ได้มองเห็นนาลกทารกผู้เป็นหลาน  เขาจึงไปยังเรือนของน้องสาว  ถามว่า นาลกะ. บุตรของเจ้าอยู่ไหน.  ข้าแต่พระคุณเจ้า เขาอยู่ในเรือน น้องสาวตอบ.  จงเรียกเขามาที  ให้เรียกมาแล้ว.  ดาบสพูดกะเขาผู้มาายังสำนักของตนว่า  นี่แน่ะพ่อ  พระราชโอรสอุบัติแล้วในตระกูลของพระเจ้าสุทโธทนมหาราช  เป็นหน่อพุทธางกูร  พระองค์จักได้เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อล่วงได้ ๓๕ ปี   เจ้าจักได้เห็นพระองค์  เจ้าจงบวชในวันนี้ทีเดียว.  เด็กเกิดในตระกูลนี้  ทรัพย์ได้ ๘๗ โกฏิ  คิดว่า  ลุงคงจักไม่ชักชวนเราในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์  ทันใดนั้นนั่นเอง  ให้คนซื้อผ้ากาสาวพัสตร์และบาตรดินจากตลาด  ให้ปลงผมและหนวด  นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ประคองอัญชลีบ่ายหน้าไปทางพระโพธิสัตว์  ด้วยกล้าวว่า  บุคคลผู้สูงส่งในโลกพระองค์ใด  ข้าพเจ้าขอบวชอุทิศบุคคลนั้น  แล้วกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์  เอาบาตรใส่ถุง  คล้องที่จะงอยบ่าแล้วไปยังหิมวันตประเทศ  บำเพ็ญสมณธรรม  ท่านเข้าไปเฝ้าพระตถาคตผู้ได้บรรลุพระอภิธรรมสัมโพธิครั้งแรก  ทูลขอให้พระองค์ทรงแสดงนาลกปฏิปทา  แล้วเข้าไปยังป่าหิมพานต์อีก  บรรลุพระอรหันตปฏิบัติข้อปฏิปทาอย่างเคร่งครัด  รักษาอายุมาได้ตลอด ๗ เดือน  ยืนพิงภูเขาทองอยู่นั่นแหละ  ปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ.

                                                             
                                               ............................................

ขอขอบพระคุณเจ้าของรูปภาพพุทธประวัติด้วยค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น