วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

พระโพธิสัตว์ประสูติ



 ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระองค์นั้น

พระนางมหามายาเทวีมีพระครรภ์แก่เต็มที่แล้ว  ได้มีพระราชประสงค์จะเสด็จไปยังเรือนพระญาติ  จึงกราบทูลพระเจ้าสุทโธทนมหาราชว่า  ข้าแต่สมมติเทพ หม่อมฉันปรารถนาจะไปยังนครเทวทหะที่เป็นของตระกูล.  พระเจ้าสุทโธทนะทรงรับว่าได้  แล้วรับสั่งให้ปราบทางจากพระนครกบิลพัสดุ์จนถึงเทวทหนครให้ราบเรียบดี  แล้วประดับด้วยต้นกล้วย หม้อเต็มด้วยน้ำ  ธงชายและธงแผ่นผ้า  ให้พระเทวีประทับนั่งในวอทอง  ให้อำมาตย์พันคนหามไป  ทรงส่งไปพร้อมด้วยบริวารเป็นอันมาก.  ก็ในระหว่างพระนครทั้งสอง  แม้ชาวพระนครทั้งสอง ก็มีสาลวันอันเป็นมงคล  ชื่อว่าลุมพินีวัน.  ในสมัยนั้น สาลวันทั้งปวงได้มี
ดอกไม้บานเป็นอย่างเดียวกัน  ตั้งแต่โคนต้นจนถึงปลายกิ่ง.  จากระหว่างกิ่งและระหว่างดอก  มีฝูงนกห้าสี  มีสีดั่งแมลงภู่จำนวนมากมาย  เที่ยวบินร้องประสานเสียง  ลุมพินีวันทั้งสิ้นจึงเป็นดั่งจิตรลดาวัน  ดูประหนึ่งเป็นมณฑลของพื้นที่มาร่วมดื่มกัน.  พระเทวีได้เกิดมีพระประสงค์จะลงเล่นกีฬาในสาลวัน  เพราะทอดพระเนตรเห็นลุมพินีวันนั้น.  พวกอำมาตย์พาพระเทวีเข้าไปยังสาลวัน  พระนางได้ทรงมีพระประสงค์จะเสด็จไปยังโคนต้นสาละอันเป็นมงคลแล้ว ทรงจับที่กิ่งสาละ  กิ่งสาละก็น้อมลง  ประดุจยอดหวายที่ถูกรมให้ร้อนแล้ว  พระหัตถ์พระเทวีพอจะเอื้อมถึงได้.  พระนางทรงเหยียดพระหัตถ์ออกจับกิ่ง.

ก็ในขณะนั้นนั่นเอง  ลมกันมัชวาตของพระนางเริ่มปั่นป่วน  ทีนั้นมหาชนแวดวงพระวิสูตรแก่พระนาง แล้วก็หลีกไป.  เมื่อพระนางทรงจับกิ่งต้นสาละประทับยืนอยู่นั่นแหละ  ได้ทรงประสูติแล้ว.  ในขณะนั้นนั่นเอง  ท้าวมหาพรหมผู้มีจิตบริสุทธิ์ ๔ องค์ก็มาถึง  พร้อมกับถือข่ายทองมาด้วย  เอาข่ายทองนั้นรับพระโพธิสัตว์  วางไว้ตรงพระพักตร์ของพระราชมารดา  พลางทูลว่า  ข้าแต่พระเทวี  ขอพระองค์จงดีพระทัยเถิด  พระราชบุตรของพระองค์  มีศักดาใหญ่อุบัติขึ้นแล้ว  เหมือนอย่างว่า  สัตว์เหล่าอื่นเมื่อตลอดออกจากท้องมารดา  ย่อมแปดเปื้อนด้วยสิ่งปฏิกูลไม่สะอาด  ตลอดออกมาฉันใด  พระโพธิสัตว์หาเป็นฉันนั้นไม่  ก็พระโพธิสัตว์นั้นเหยียดมือและเท้าสองข้างออก  ยืนตรงดุจพระธรรมกถึกลงจากธรรมาสน์ และดุจบุรุษลงจากบันได  มิได้แปดเปื้อนด้วยของไม่สะอาดใด ๆ  ที่มีอยู่ในครรภ์มารดา  เป็นผู้สะอาดบริสุทธิ์รุ่งโรจน์อยู่  ประดุจแก้วมณีที่เขาวางไว้บนผ้ากาสิกพัสตร์  ตลอดออกมาจากครรภ์มารดา  แม้เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วก็ตาม  สายธารแห่งน้ำสองสายก็พลุ่งออกมาจากอากาศ  โสรจสรงพระสรีระของพระโพธิสัตว์และพระมารดา  ทำให้อบอุ่นสบาย  เพื่อเป็นเครื่องสักการะแก่พระโพธิสัตว์และพระมารดา  ต่อนั้น ท้าวมหาราช ๘ องค์ได้รับพระโพธิสัตว์นั้น จากมือของพรหมผู้ยืนเอาข่ายทองรับอยู่  ด้วยเครื่องปูลาดที่ทำด้วยหนังเสือดาว ที่มีสัมผัสอ่อนนุ่ม ซึ่งสมมุติกันว่าเป็นมงคล  พวกมนุษย์จึงเอาพระยี่ภู่ผ้าทุกูลพัสตร์  รับจากมือของท้าวมหาราชเหล่านั้น  พอพ้นจากมือของพวกมนุษย์  พระโพธิสัตว์ก็ประทับยืนบนแผ่นดิน ทอดพระเนตรดูทิศตะวันออก  จักรวาลนับได้หลายพัน ได้เป็นที่โล่่งเป็นอันเดียวกัน  พวกเทวดาและมนุษย์ในที่นั้น ต่างพากันบูชาด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้น  กราบทูลว่า  ข้าแต่ท่าน  บุรุษคนอื่นในที่นี้เช่นกับท่านไม่มี  คนที่ยิ่งกว่าท่านจักมีแต่ที่ไหน

พระโพธิสัตว์มองตรวจดูตลอดทิศใหญ่ทิศเล็ก แม้ทั้ง ๑๐ ทิศ คือ ทิศใหญ่ ๔   ทิศเล็ก ๔ เบื้องล่าง  เบื้องบน  ก็มิได้ทรงมองเห็นใครที่เช่นเดียวกับตน  ทรงดำริว่า  นี้เป็นทิศเหนือ  แล้วเสด็จไปโดยย่างพระบาท ๗ ก้าว  มีท้าวมหาพรหมกั้นเศวตฉัตร  ท้าวสุยามเทวบุตรถือพัดวาลวิชนี  และเทวดาเหล่าอื่นมีมือถือเครื่องราชกุธภัณฑ์ที่เหลือเดินตามเสด็จ  ต่อจากนั้นประทับยืนที่พระบาทที่ ๗ ทรงเปล่งอาสภิวาจา (วาจาแสดงความยิ่งใหญ่) เป็นต้นว่า  เราเป็นผู้เลิศของโลก  ทรงบรรลือสีหนาทแล้ว.

จริงอยู่พระโพธิสัตว์  เพียงตลอดออกมาจากครรภ์มารดาเท่านั้น  ก็เปล่งวาจาได้ในสามอัตภาพเท่านั้นคือ  ในอัตภาพเป็นมโหสถ  ในอัตภาพเป็นพระเวสสันดร  ในอัตภาพนี้.  นัยว่าในอัตภาพเป็นมโหสถ  เมื่อพระโพธิสัตว์ตลอดออกมาจาากครรภ์มารดาเท่านั้น  ท้าวสักกเทวราชเสด็จมา  ทรงวางแก่นจันทร์ที่มือแล้วเสด็จไป  พระโพธิสัตว์กำแก่นจันทร์นั้นไว้ในกำมือคลอดออกมา.  ทีนั้นมารดาจึงถามเขาว่า  แน่ะพ่อ  ลูกถืออะไรมา.  ข้าแต่แม่  ยาครับ  พระโพธิสัตว์ตอบ.  เพราะเหตุที่ถือเอายามา  คนทั้งหลายจึงตั้งชื่อให้แก่เขาว่า  โอสถทารก (เด็กถือยา)  ชนทั้งหลายจึงถือเอายานั้นใส่่ไว้ในตุ่ม  โอสถนั้นนั่นแหละ  ได้เป็นยารักษาโรคสารพัดให้หายได้  แก่คนตาบอดและหูหนวกเป็นต้น  ที่พากันมา ๆ  ต่อมาเพราะถือเอาคำที่พูดกันว่าโอสถนี้มีคุณมาก  โอสถนี้มีคุณมาก  เขาจึงได้เกิดมีชื่อขึ้นอีกว่า มโหสถ.  ส่วนในอัตภาพเป็นพระเวสสันดร  พระโพธิสัตว์เพียงตลอดออกจากครรภ์มารดา  ก็เหยียดแขนออก  พลางกล่าวว่า  ข้าแต่แม่  ในเรือนมีทรัพย์บ้างไหม  ลูกจะให้ทาน  แล้วตลอดออกมาทีนั้น  พระมารดาของพระโพธิสัตว์นั้นกล่าวว่า  แน่ะพ่อ  ลูกเกิดในตระกูลที่มีทรัพย์  ว่าแล้วให้วางถุงเงินพันหนึ่งไว้  แล้วจึงวางมือของลูกไว้บนฝ่ามือของพระองค์  ในอัตภาพเป็นพระโพธิสัตว์บรรลือสีหนาทแม้นี้  ด้วยประการฉะนี้.


                                                    .................................................

ขอขอบพระคุณเจ้าของรูปภาพพุทธประวัติด้วยค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น