วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

พระโพธิสัตว์ทรงถือปฏิสนธิ


 ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น

เมื่อพระเทวีทรงตื่นบรรทมแล้ว  กราบทูลถึงพระสุบินนั้นแด่พระราชา  พระราชารับสั่งให้เชิญพราหมณ์ชั้นหัวหน้า ๖๔ คนเข้าเฝ้า ให้จัดปูลาดอาสนะมีค่ามากบนพื้นที่ฉาบด้วยโคมัยสด  มีเครื่องสักการะอันเป็นมงคลกระทำด้วยข้าวตอกเป็นต้น  ให้ใส่ข้าวปายาสอย่างเลิศ  ซึ่งบำรุงด้วยเนยใส  น้ำผึ้ง  และน้ำตาลกรวดลงจนเต็มถาดทองและเงิน  เอาถาดทองและเงินครอบแล้ว  ถวายให้พวกเขารับประทานจนอิ่มหนำ
พร้อมกับถวายผ้าห่มและแม่โคแดงเป็นต้น ที่นั้น เมื่อพราหมณ์เหล่านั้น อิ่มหนำด้วยของที่ต้องการทุกอย่างแล้ว  จึงตรัสบอกพระสุบิน  แล้วตรัสถามว่า  จักมีอะไรเกิด.  พวกพราหมณ์กราบทูลว่า  ข้าแต่มหาราช  พระองค์อย่าทรงวิตกอะไรเลย  พระเทวีทรงตั้งพระครรภ์แล้ว  และพระครรภ์ที่ตั้งขึ้นนั้น เป็นครรภ์บุรุษ มิใช่ครรภ์สตรี  พระองค์จักมีพระราชบุตร   ถ้าพระราชบุตรนั้นทรงอยู่ครองเรือน  จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ  ถ้าเสด็จออกจากเรือนบวช จักได้เป็นพระพุทธเจ้า  ผู้ทรงมีกิเลสประดุจหลังคาอันเปิดแล้วในโลก.

ก็ในขณะที่พระโพธิสัตว์ทรงถือปฏิสนธิในพระคัพโภทรของพระมารดานั่นแหละ  ตลอดหมื่นโลกธาตุก็ไหวหวั่นสะเทือนเลื่อนสั่นขึ้นพร้อมกันทันที.  บุพนิมิต ๓๒ ประการปรากฏขึ้นแล้ว.  ในหมื่นจักรวาลได้มีแสงสว่างสุดจะประมาณแผ่ซ่านไป.  พวกคนตาบอดต่างก็ได้ตาดีขึ้น  ดูประการหนึ่งว่ามีประสงค์จะดูพระสิริของพระโพธิสัตว์นั้น.  พวกคนหูหนวกก็ฟังเสียงได้  พวกคนใบ้ก็พูดจาได้  พวกคนค่อมก็มีตัวตรงขึ้น  คนง่อยเปลี้ยเสียขาก็เดินด้วยเท้าได้.  สัตว์ทั้งปวงที่ถูกจองจำ ก็พ้นจากเครื่องจองจำมีขื่อคาเป็นต้น.  ในนรกทุกแห่งไฟก็ดับ.  ในเปรตวิสัยความหิวกระหายก็สงบระงับ.  เหล่าสัตว์ดิรัจฉานก็ไม่มีความกลัวภัย.  โรคและไฟกิเลสมีราคะเป็นต้น  ของสัตว์ทั้งปวงก็สงบระงับ

สัตว์ทั้งปวงต่างก็มีวาจาน่ารัก  ม้าทั้งหลายต่างก็ร้อง  ช้างทั้งหลายต่างก็ร้อง ด้วยอาการอันอ่อนหวาน.  บรรดาดนตรีทุกชนิด ต่างก็เปล่งเสียงกึกก้องของตนได้เอง  ไม่ต้องมีใครตีเลย  เครื่องอาภรณ์ที่สวมอยู่ที่มือของมนุษย์ทั้งหลายร้องขึ้นเองได้  ทิศทุกทิศต่างก็แจ่มใสไปทั่ว  สายลมอ่อนเย็นที่จะให้เกิดสุขแก่สัตว์ทั้งหลาย ก็พัดโชยมา.  เมฆที่มิใช่กาลก็ให้ฝนตก.  แม้จากแผ่นดิน  น้ำก็ชำแรกไหลออกมา  เหล่านกก็ไม่บินไปในอากาศ  แม่น้ำก็นิ่งไม่ไหล  น้ำในมหาสมุทรก็มีรสอร่อย  พื้นทั่วไปทุกแห่งก็ดาลดาษด้วยดอกบัวหลวงมี ๕ สี.  ดอกไม้ทุกชนิดที่เกิดบนพื้นดินและเกิดในน้ำ ต่างก็บานไปทั่ว.  ที่ลำต้นของต้นไม้ก็มีดอกปทุมลำต้นบาน  ที่กิ่งก็มีดอกปทุมกิ่งบาน  ที่เถาวัลย์ก็มีดอกปทุมเถาวัลย์บาน.  ที่พื้นดินก็มีดอกปทุมมีก้านชำแรกพื้นหินโผล่ขึ้นเบื้องบน ๆ  แห่งละ ๗ ดอก  ในอากาศก็มีดอกปทุมห้อยย้อยเกิดขึ้น ฝนดอกไม้โปรยปรายไปโดยรอบ ๆ  ทิพยดนตรีต่างก็บรรเลงขึ้นในอากาศ.  ทั้งหมื่นโลกธาตุเป็นประดุจพวงมาลัยที่เขาจับเหวี่ยงให้หมุนแล้วปล่อยไป  ดูราวกะว่ากำดอกไม้ที่เขาจับบีบเข้าแล้วมัดให้รวมกัน  และเป็นเสมือนที่นอนดอกไม้ที่ประดับประดาและตกแต่งแล้ว  มีดอกไม้เป็นพวงเดียวกัน  เหมือนพัดวาสวีชนีที่กำลังโบกสะบัดอยู่  อบอวลไปด้วยกลิ่นของดอกไม้และธูป  ได้เป็นโลกธาตุที่ถึงความงามสุดยอดแล้ว.

จำเดิมแต่ปฏิสนธิของพระโพธิสัตว์  ผู้ถือปฏิสนธิแล้วอย่างนี้  เพื่อที่จะป้องกันมิให้เกิดอันตรายแก่พระโพธิสัตว์  และราชมารดาของพระโพธิสัตว์  เทวบุตร ๔ องค์  มีมือถือพระขรรค์คอยให้การอารักขา  ความคิดเกี่ยวกับราคะในบุรุษทั้งหลาย  มิได้เกิดแต่พระราชมารดาของพระโพธิสัตว์.  พระนางมีแต่ถึงความเลิศลอยด้วยลาภและความเลิศด้วยยศ  มีความสุข  มีพระวรกายไม่ลำบาก  และทอดพระเนตรเห็นพระโพธิสัตว์  ซึ่งอยูในพระคัพโภทร ประดุจด้ายสีขาวที่ร้อยไว้ในแก้วมณีที่ใสแจ๋ว  ธรรมดาคัพโภทรที่พระโพธิสัตว์อาศัยอยู่  เป็นเช่นกับห้องของเจดีย์  สัตว์อื่นไม่สามารถจะอาศัยอยู่หรือบริโภคได้  เพราะฉะนั้น  พระราชมารดาของพระโพธิสัตว์จึงสวรรคต  แล้วไปอุบัติในดุสิตบุรี  ในเมื่อพระโพธิสัตว์ประสูตูิได้  ๗  วัน  หญิงอื่นไม่ถึง ๑๐ เดือนบ้าง เลยไปบ้าง นั่งคลอดบ้าง  นอนคลอดบ้าง ฉันใด  พระราชมารดาของพระโพธิสัตว์เป็นฉันนั้นไม่.  แต่พระนางจะบริบาลพระโพธิสัตว์ไว้ในพระคัพโภทรสิ้น ๑๐  เดือน  แล้วประทับยืนคลอด  แล้วก็ข้อนี้เองเป็นธรรมดาของพระราชมารดาของพระโพธิสัตว์  แม้พระนางมหามายาเทวีทรงบริบาลพระโพธิสัตว์ในพระคัพโภทรสิ้น ๑๐ เดือน  ประดุจบริบาลน้ำมันไว้ด้วยบาตรฉะนั้น


                                         ........................................................

ขอขอบพระคุณเจ้าของรูปภาพพุทธประวัติด้วยค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น