พระอานนท์เถระเจ้าได้กราบทูลว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เมืองกุสินาราเป็นเมืองเล็ก เมืองดอน ไม่ควรเป็นเมืองที่พระองค์จะเสด็จปรินพพาน ข้าพระองค์ขออาราธนาให้ไปปรินิพพานในเมืองใหญ่ ๆ เช่น พระนครราชคฤห์ พระนครสาวัตถี เป็นต้นนั้นเถิด กษัตริย์ พรหมณ์ และคหบดี ผู้มหาศาล จักได้จัดการสักการบูชาพระสรีระเป็นมโหฬาร ควรแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นอัจฉริยมนุษย์บุรุษรัตนดิลกเลิศในโลก"
"อานนท์ เธออย่าได้กล่าวอย่างนั้น" ทรงรับสั่ง "อานนท์ เมืองกุสินารานี้แต่ปางก่อนเคยเป็นมหานครราชธานี มีนามว่า "กุสาวดี" เป็นนครใหญ่ไพศาล พระเจ้ามหาสุทัศน์จักรพรรดิราช เป็นพระมหากษัตริย์ครอบครอง เป็นเมืองที่มีผู้คนมาก ประชาชนสงบสุข สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สรรพสิ่ง ซึ่งเป็นเครื่องอุปกรณ์แก่ชีวิตของมนุษย์ทุกประการ เสียงร้องเรียกหา ค้าขายสัญจรไปมาหาสู่กันไม่หยุดหย่อน ทั้งกลางวันกลางคืน
โปรดให้แจ้งข่าวปรินิพพาน
แก่พวกมัลลกษัตริย์
ครั้นพระผู้มีพระภาคตรัสเรื่องเมืองกุสินารา บรรเทาความข้องใจ หายความปริวิตกแก่พระอานนท์เถระเจ้าแล้ว ทรงรับสั่งว่า "อานนท์จงเข้าไปบอกพวกมัลลกษัตริย์ให้ทราบว่า "บัดนี้ พระตถาคตเข้าจักปรินิพพาน ณ ยามที่สุดแห่งราตรีในวันนี้ อย่าให้มัลลราชทั้งหลายมีความเดือดร้อนในภายหลังว่า พระตถาคตเจ้า มาปรินิพพานในคามเขตของเราทั้งหลาย ๆ สิกลับไปได้เห็นพระองค์ในกาลสุดท้าย"
พระอานนท์ทรงรับพระบัญชาแล้ว รีบเข้าไปแจ้งความนั้นแก่มัลลกษัตริย์ทั้งหลาย ตามพระประสงค์ของพระตถาคตเจ้าทุกประการ
เมื่อมัลลกษัริย์ทั้งหลายได้ทราบแล้ว ต่างมีความทุกโทมนัสพร้อมด้วยโอรส สุณิสา และปชาบดี กับทั้งอำมาตย์ พร้อมด้วยบุตรและภริยารีบเสด็จออกไปยังสาลวันอุทยาน เพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระอานนท์เถระเจ้าดำริว่า "ถ้าจะให้มัลลกษัตริย์ทั้งหลายเรียงองค์กันเข้าเฝ้า ราตรีก็จะสว่างเปล่าไม่สิ้นเสร็จ จึงได้จัดให้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นสกุล ๆ เป็นคณะ ๆ แล้วกราบทูลชื่อและวงศ์ตระกูลถวายโดยลำดับ ให้มัลลกษัตริย์ได้เข้าถวายอภิวาทเสร็จภายในปฐมยามเบื้องต้นแห่งราตรีนั้น
......................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น