วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตรัสเรื่องเมืองกุสินารา


พระอานนท์เถระเจ้าได้กราบทูลว่า  "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค  เมืองกุสินาราเป็นเมืองเล็ก เมืองดอน ไม่ควรเป็นเมืองที่พระองค์จะเสด็จปรินพพาน  ข้าพระองค์ขออาราธนาให้ไปปรินิพพานในเมืองใหญ่ ๆ  เช่น พระนครราชคฤห์  พระนครสาวัตถี เป็นต้นนั้นเถิด  กษัตริย์  พรหมณ์  และคหบดี  ผู้มหาศาล  จักได้จัดการสักการบูชาพระสรีระเป็นมโหฬาร  ควรแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นอัจฉริยมนุษย์บุรุษรัตนดิลกเลิศในโลก"

"อานนท์  เธออย่าได้กล่าวอย่างนั้น"  ทรงรับสั่ง  "อานนท์  เมืองกุสินารานี้แต่ปางก่อนเคยเป็นมหานครราชธานี  มีนามว่า  "กุสาวดี"  เป็นนครใหญ่ไพศาล  พระเจ้ามหาสุทัศน์จักรพรรดิราช  เป็นพระมหากษัตริย์ครอบครอง  เป็นเมืองที่มีผู้คนมาก  ประชาชนสงบสุข  สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สรรพสิ่ง  ซึ่งเป็นเครื่องอุปกรณ์แก่ชีวิตของมนุษย์ทุกประการ  เสียงร้องเรียกหา ค้าขายสัญจรไปมาหาสู่กันไม่หยุดหย่อน  ทั้งกลางวันกลางคืน


โปรดให้แจ้งข่าวปรินิพพาน
แก่พวกมัลลกษัตริย์

ครั้นพระผู้มีพระภาคตรัสเรื่องเมืองกุสินารา  บรรเทาความข้องใจ  หายความปริวิตกแก่พระอานนท์เถระเจ้าแล้ว  ทรงรับสั่งว่า  "อานนท์จงเข้าไปบอกพวกมัลลกษัตริย์ให้ทราบว่า  "บัดนี้  พระตถาคตเข้าจักปรินิพพาน  ณ  ยามที่สุดแห่งราตรีในวันนี้  อย่าให้มัลลราชทั้งหลายมีความเดือดร้อนในภายหลังว่า  พระตถาคตเจ้า  มาปรินิพพานในคามเขตของเราทั้งหลาย ๆ  สิกลับไปได้เห็นพระองค์ในกาลสุดท้าย"

พระอานนท์ทรงรับพระบัญชาแล้ว  รีบเข้าไปแจ้งความนั้นแก่มัลลกษัตริย์ทั้งหลาย  ตามพระประสงค์ของพระตถาคตเจ้าทุกประการ

เมื่อมัลลกษัริย์ทั้งหลายได้ทราบแล้ว  ต่างมีความทุกโทมนัสพร้อมด้วยโอรส สุณิสา และปชาบดี กับทั้งอำมาตย์  พร้อมด้วยบุตรและภริยารีบเสด็จออกไปยังสาลวันอุทยาน  เพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า

พระอานนท์เถระเจ้าดำริว่า  "ถ้าจะให้มัลลกษัตริย์ทั้งหลายเรียงองค์กันเข้าเฝ้า  ราตรีก็จะสว่างเปล่าไม่สิ้นเสร็จ  จึงได้จัดให้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นสกุล ๆ  เป็นคณะ ๆ  แล้วกราบทูลชื่อและวงศ์ตระกูลถวายโดยลำดับ  ให้มัลลกษัตริย์ได้เข้าถวายอภิวาทเสร็จภายในปฐมยามเบื้องต้นแห่งราตรีนั้น 


......................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น