วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

อัครสาวกปรินิพพาน (ตอน ๑)


ฝ่ายพระสารีบุตรเถระถวายวัตรแก่พระบรมศาสดาแล้ว  ถวายปังคม  แล้ว
ไปที่พักในทิวาวิหาร  ขึ้นบัลลังก์สมาธิ  เข้าสู่วิมุตติผลสมาบัติ  ครั้นออก
จากสมาบัติแล้ว  พิจารณาอายุสังขารของตน  ก็ทราบชัดว่ายังดำรงชนมายุ
อยู่ได้อีก ๗ วันเท่านั้น  จึงได้ดำริต่อไปว่า  อาตมาจะไปปรินิพพานในสถาน
ที่ใด  พระราหุลเถระก็ไปปรินิพพานที่ปัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ในดาวดึงส์
เทวโลก  พระอัญญาโกณฑัญญะเถระก็ไปปรินิพพพาน  ที่ฉัททันตะสระ
ในหิมวันตประเทศ

ต่อนั้น  พระเถระเจ้าปรารภถึงมารดาว่า  มารดาของอาตมานี้ได้เป็นมารดา
พระอรหันต์ถึง ๗ องค์  แม้อย่างนั้นแล้ว  มารดาก็ยังไม่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย
ก็อุปนิสัยในมรรคผลจะพึงมีแก่มารดาบ้างหรือไม่หนอ ?  ครั้นพระเถระเจ้า
พิจารณาไป  ก็ทราบชัดว่า  มารดามีอุปนิสัยแห่งพระโสดาบัน  ด้วยธรรมเทศนา
ของอาตมา  มหาชนเป็นอันมากจะได้พลอยมีส่วนได้มรรคผลด้วย  ควรอาตมา
จะไปปรินิพพานที่เรือนมารดาเถิด  ครั้นดำริแล้ว  พระเถระเจ้าจึงเรียกพระจุนทเถระ
ผู้เป็นน้องชายมาสั่งว่า  "จุนทะ เรามาไปเยี่ยมมารดากันเถิด  ท่านจงออกไปบอก
ภิกษุบริษัททั้ง ๕๐๐ ว่า  พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร  มีความประสงค์จะไปบ้าน
นาลันทคาม"  พระจุนทะเถระรับพระบัญชาพระเถระเจ้าแล้ว  ออกไปแจ้งแก่
พระสงฆ์ทั้งปวง

ครั้นพระสงฆ์ทั้งหลายมาพร้อมกันแล้ว  พระสารีบุตรก็พาพระสงฆ์ทั้งปวงไปเฝ้า
พระบรมศาสดายังพระคันธกุฎี  กราบทูลว่า  "ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระภาคเป็น
อันงาม  บัดนี้  ชีวิตของข้าพระองค์เหลือ ๗ วันเท่านั้น  เพราะฉะนั้น ข้าพระองค์
ขอถวายบังคมลาปรินิพพาน"

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า  "สารีบุตร  เธอจะไปปรินิพพาน  ณ  ที่ใด"

"ข้าพระองค์จะไปปรินิพพาน ณ ห้องประสูติ  ในเคหสถานของมารดาข้าพระองค์"

"สารีบุตร  เธอจงกำหนดกาลนั้นโดยควรเถิด"  แล้วทรงรับสั่งต่อไปอีกว่า  "สารีบุตร
บรรดาภิกษุทั้งหลายชั้นน้อง ๆ  จะเห็นพี่อย่างเธอหาได้อยาก  ฉะนั้น  เธอจงแสดง
ธรรมแก่ภิกษุน้อง ๆ  ของเธอ  เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกสำหรับครั้งนี้ก่อนเถิด"

เมื่อพระเถรเจ้าได้รับประทานโอกาสเช่นนั้น  จึงสำแดงปาฏิหาริย์เหาะขึ้นไปใน
อากาศ  สูงประมาณชั่วลำตาลหนึ่ง  กลับลงมาถวายนมัสการพระบรมศาสดาอีก
ครั้งหนึ่ง  ครั้งที่สองเหาะขึ้นไปสูงได้  ๒ ชั่วลำตาล  กลับลงมาถวายนมัสการอีกครั้ง
หนึ่ง  ครั้งที่ ๓ เหาะขึ้นไปถึง ๓ ชั่วลำตาล  จนถึงครั้งที่ ๗  เหาะขึ้นไป ๗  ชั่วลำตาล
ลอยอยู่บนอากาศ  แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายในท่ามกลางอากาศ  ขณะนั้น
ชาวพระนครสาวัตถีได้มาสโมสรสันนิบาตอยู่เป็นอันมาก  แล้วพระเถรเจ้าก็ลงมา
จากอากาศ  ถวายอภิวาทบังคมลาคลานคล้อยถอยออกมาจากพระคันธกุฎี

ขณะนั้น  พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระมหากรุณา  เสด็จลุกจากพระพุทธอาสน์
ออกมาส่งพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรถึงหน้าพระคันธกุฎี  ประทับยืนอยู่ที่พื้นแก้วมณี
หน้าพระคันธกุฎีนั้น

พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร  ทำประทักษิณพระบรมศาสดา ๓ รอบ  แล้วประคอง
อัญชลีกราบทูลว่า  "ใที่สุดอสงไขยแสนกัลป์ล่วงมาแล้วนั้น  ข้าพระองค์ได้หมอบ
ลงแทบบาทมูลแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอโนมทัสสี  ตั้งปณิธานปรารถนาพบ
พระองค์  และแล้วมโนรถของข้าพระองค์  ก็พลันได้สำเร็จสมประสงค์ตั้งแต่ได้เห็น
พระองค์เป็นปฐมทรรศนะ  บัดนี้ เป็นปัจฉิมทรรศนะแห่งการได้เห็นพระองค์ผู้เป็น
นาถของข้าพระองค์แล้ว"  ทูลเพียงเท่านั้นแล้ว  ก็ประนมหัตถ์ถอยหลังบังคมลา
ออกไปพอควรแล้ว  ก็ถวายนมัสการกราบลงที่พื้นพสุธา  บ่ายหน้าออกไปจาก
พระเชตวนาราม

พระผู้มีพระภาคตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า  "ภิกษุทั้งหลาย  เธอจะตามไปส่งพี่ใหญ่
ของเธอ  ก็ตามใจเถิด"

ภิกษุทั้งหลายได้พากันไปส่งพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเป็นอันมาก  ครั้นถึงซุ้มประตู
พระเชวนาราม  พระเถรเจ้าจึงกล่าวห้ามว่า  "ท่านทั้งหลายจงหยุดแต่เพียงนี้เถิด"
พร้อมกับได้ให้โอวาทด้วยวาจาที่นิ่มนวล  ควรดื่มไว้ในใจให้ตั้งมั่นอยู่ในความไม่
ประมาทเป็นิรันดร  แล้วพาภิกษุผู้เป็นบริวารพ้นจากพระเชตวนาราม  มุ่งหน้าไป
บ้านนาลันทคาม


......................................


(ยังมีต่ออีก)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น