วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

ทรงขับนางมาร



ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น



ครั้น พญาวัสวดีมารเมื่อพ่ายแพ้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เกิดความอับอายแก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ต้องยอมให้พระสิทธัตถะล่วงพ้นจากวิสัยของตนไปได้ จึงเกิดโทมนัสเป็นยิ่ง  ได้หนีออกจากเทวโลก ลงมานั่งในทางใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองมนุษย์

ขณะนั้น นางมารธิดาทั้ง ๓ คือ นางตัณหา นางราคา และนางอรดี  เมื่อมิได้เห็นพญาวัสวดีมารผู้เป็นบิดาอยู่ในเทวโลก เมื่อแลลงมาด้วยทิพยจักษุ ก็เห็นพระบิดานั่งอยู่ที่ทางใหญ่แห่งหนึ่งในโลกมนุษย์ นางทั้ง ๓ จึงพากันมาหาพญาวัสวดีมาร  แล้วทูลถามว่า พระบิดาทรงทุกข์โทมนัสด้วยเหตุประการใด  พญามารก็แจ้งความจริงให้ธิดาทั้ง ๓ ทราบ นางมารธิดาทั้งสามจึงทูลว่า "พระบิดาอย่าทรงทุกข์ร้อนไปเลย ข้าพเจ้าทั้ง ๓ จะรับอาสาไปทำพระสิทธัตถะให้อยู่ในอำนาจ  แล้วจะนำมาถวายพระองค์ให้จงได้"

พยามารจึงตรัสว่า "ลูกเอ๋ย แต่นี้ไป ไม่มีผู้ใดจะสามารถทำพระสิทธัตถะให้อยู่ในอำนาจเสียแล้ว"

นางมารธิดาก็แย้งว่า  "ข้าพเจ้าทั้ง ๓ คงจะพันธนาการพระสิทธัตถะด้วยปวง  อันมีราคะเป็นต้น  ผูกมัดให้อยู่ได้ เพราะข้าพเจ้าเป็นสตรี จะพยายามไปผูกพระสิทธัตถะมาให้จงได้ในกาลบัดนี้  พระองค์อย่าทรงวิตกไปเลย"   แล้วนางมารธิดาทั้ง ๓ ก็ทูลลาพระบิดามาสู่สำนักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งประทับอยู่ที่ร่มไม้อชปาลนิโครธ แล้วกราบทูลว่า  "ข้าแต่พระมหาสมณะ หม่อมฉันจะบำเรอพระยุคลบาทของพระองค์ถวาย"

ครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้ทรงเอาพระทัยใส่ในถ้อยคำของนางมารธิดาทั้ง ๓ นั้น ทั้งมิได้ทรงลืมพระเนตรขึ้นทัศนาการดูทีท่าของธิดามารทั้ง ๓ ทรงดุษณีภาพนิ่งอยู่เป็นปกติ

นางมารก็ดำริว่า  "ธรรมดาบุรุษย่อมมีอัธยาศัยเสน่หาในสตรีที่มีสรีระรูปผิวพรรณสัณฐานต่าง ๆ กัน"  แล้วต่างก็นิรมิตเป็นนางงามต่าง ๆ แสดงท่าทางโดยมุ่งหมายจะให้เป็นที่ต้องพระทัยปรารถนา  เข้าทูลเล้าโลมดุจกาลก่อน  ครั้นเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้ทรงตรัสประการใด  ก็แสดงมายาหญิงโดยอา
การพิลาศ ชำเลืองเนตร ฟ้อนรำ ขับร้อง มีประการต่าง ๆ  ทุกวิธีที่เห็นว่าจะคล้องน้ำพระทัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้  แต่ก็ไม่สามารถจะทำให้น้ำพระเทัยของพระองค์ผิดปกติ

ลำดับนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงออกพระโอษฐ์ขับนางมารธิดาว่า  "มารธิดาเอย เจ้าจงออกไปเสียให้พ้นจากที่นี่  เจ้าจะได้ประโยชน์อะไรในการที่มาพยายามเล้าโลมตถาคต  ด้วยทุกสิ่งที่เจ้ามุ่งหมายนั้น ตถาคตได้ทำลายเสียแล้ว เจ้าควรจะไปประเล้าประโลมบุรุษผู้มีราคะบริบูรณ์  เมื่อตถาคตไม่มีร่องรอยอะไรเลย  แล้วจะนำตถาคตไปด้วยร่องรอยอะไร  ไม่เป็นผลที่มุ่งหมายอันใดแก่เจ้าดอก จงออกไปเสีย"

ในทันใดนั้นเอง ด้วยอานุภาพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บันดาลให้ร่างกายอันงามของนางมารธิดาทั้ง ๓ ซึ่งไม่เชื่อฟังพระโอวาท  พยายามออดอ้อนอิดเอื้อนอยู่อีก ได้กลับกลายร่างเป็นหญิงชรา น่าสังเวช  นางทั้ง ๓  เมื่อได้เห็นร่างกายของตนเปลี่ยนแปลงไปเช่นนั้น  ก็ตกใจมาก พากันหนีออกไปจากที่นั้นโดยเร็ว  แล้วกล่าวกันว่า เป็นความจริงดังที่พระบิดาได้เตือนแล้วแต่แรกว่า ไม่มีผู้ใดที่จะทำให้พระสิทธัตถะอยู่ในอำนาจได้  แล้วก็อันตรธานไปจากที่นั้น

                                   ...........................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น