วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556

ทรงพระสุบิน



เมื่อพระมหาบุรุษทรงเลิกลละทุกรกิริยาแล้ว  ก็ทรงเสวยพระอาหารแข้น บำรุงพระกายยให้กลับมีกำลังแข็งแรงเป็นปรกติอย่างเดิม แล้วจึงเริ่มทำความเพียรทางจิตต่อไป จนถึงราตรีวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ ขณะบรรทมทรงพระสุบิน ๕ ประการ คือ

๑. ทรงพระสุบินว่า  พระองค์ทรงผทมหงายเหนือพื้นปฐพี พระเศียรหนุนเขาหิมพานต์เป็นพระเขนย พระหัตถ์ซ้ายหยั่งลงในมหาสมุทรทิศตะวันออก  พระหัตถ์ขวาและพระบาททั้งคู่่หยั่งลงในมหาสมุทรทิศใต้




๒. ทรงพระสุบินว่า  หญ้าแพรกเส้นหนึ่ง งอกจากพระนาภี (สะดือ)สูงขึ้นไปจนถึงท้องฟ้า




๓. ทรงพระสุบินว่า  หมู่หนอนทั้งหลาย สีขาวบ้าง ดำบ้างเป็นอันมาก ไต่ขึ้นมาแต่พื้นพระบาททั้งคู่ ปกปิดลำพระชงฆ์ (แข้ง) หมด และไต่ขึ้นมาถึงพระชานุ (เข่า) มณฑล




๔. ทรงพระสุบินว่า  ฝูงนก ๔ จำพวก มีสีต่าง ๆ กัน คือ สีเหลือง เขียว แดง ดำ บินมาแต่ทิศทั้ง ๔ ลงมาจับแท่นพระบาท แล้วกลับกลายเป็นสีขาวไปสิ้น



๕. ทรงพระสุบินว่า  เสด็จขึ้นไปเดินจงกรมบนยอดภูเขาอันเต็มไปด้วยอาจม แต่อาจมนั้นมิได้เปื้อนพระยุคลบาท




ในพระสุบินทั้ง  ๕ ข้อนั้น มีอธิบายคำทำนายว่า

ข้อ ๑  พระมหาบุรุษเจ้าจะได้ตรัสรู่้ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้เลิศในโลกทั้งสาม

ข้อ ๒  พระมหาบุรุษเจ้าจะได้ทรงประกาศสัจธรรม เผยมรรค ผล นิพพาน แก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งมวล

ข้อ ๓  คฤหัสถ์ พราหมณ์ ทั้งหลาย จะเข้ามาสู่สำนักของพระองค์เป็นอันมาก

ข้อ ๔  ชาวโลกทั้งหลาย คือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศ์ ศูทร์ เมื่อมาสู่สำนักของพระองค์แล้ว จะรู้ทั่วถึงธรรมอันบริสุทธิ์หมดจดผ่องใสไปสิ้น

ข้อ ๕  ถึงแม้พระองค์จะพร้อมมูล ด้วยสักการะวรามิศที่ชาวโลกอุทิศน้อมถวายด้วยความเลื่อมใส ก็มิได้มีพระทัยข้องอยู่ให้เป็นมลทินแม้แต่น้อย

ครั้นพระมหาบุรุษตื่นผทมแล้ว ก็ทรงดำริถึงข้อความในพระมหาสุบินทั้ง ๕ แล้วทรงทำนายด้วยพระปรีชาญาณของพระองค์เองว่า  จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นแน่แท้  ครั้นได้ทรงทำสรีรกิจสระสรงพระกายหมดจดแล้ว ก็เสด็จมาประทับนั่ง ณ ที่ควงไม้นิโครธพฤกษ์ในยามเช้าแห่งวันเพ็ญวิสาขปุรณมีดิถี กลางเดือน ๖ ปีระกา

ประจวบด้วยวันวานเป็นวันที่นางสุชาดา ธิดาของคฤหบดีผู้มั่งคั่งในตำบลนั้น  นางได้ตั้งปณิธานบูชาเทพารักษ์ไว้ว่า ขอให้นางได้สามีที่มีตระกูลเสมอกัน และขอให้ได้บุตรคนแรกเเป็นชาย ครั้นนางได้สามีและบุตรสมใจนึก นางจึงคิดจะหุงข้าวมธุปายาสอันประณีตด้วยเครื่องปรุงทุกประการ ไปบวงสรวงเทพารักษ์ที่ได้ไปบนบานไว้  ดังนั้น ในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖  จึงสั่งให้บ่าวไพร่ตระเตรียมทำข้าวปายาสเป็นการใหญ่ และกว่าจะสำเร็จเป็นข้าวปายาสได้ ก็ตกถึงเพลงเที่ยงคืน แล้วนางสุชาดาจึงสั่งนางปุณณทาสีหญิงคนใช้ที่สนิทกัน ให้ออกไปทำความสะอาด แล้วกวาดที่โคนต้นไม้นิโครธพฤกษ์นั้น เพื่อจะได้จัดเป็นที่ตั้งเครื่องสังเวยเทพารักษ์

ดังนั้น นางปุณณทาสีจึงได้ตื่นแต่เช้า เดินทางไปยังต้นไม้นิโครธพฤกษ์นั้น เห็นพระมหาบุรุษทรงประทับนั่งอยู่ ณ ควงไม้นั้น ผันพระพักตร์ทอดพระเนตรไปทางปราจีนทิศ (ตะวันออก) มีรัศมีพระกายแผ่ซ่านออกไปเป็สนปริมณฆลงามยิ่งนัก  นางก็นึกทึกทักตระหนักแน่ในจิตทันทีว่า วันนี้เทพยดาเจ้าลงจากต้นไทรงาม นั่งคอยรับข้าวปายาสของสังเวยของเจ้าแม่ด้วยมือทีเดียว  นางดีใจรีบกลับมายังเรือน บอกนางสุชาดาละล่ำละลักว่า เทพารักษ์ที่เจ้าแม่มุ่งทำพลีกรรมสังเวยนั้น บัดนี้ได้มานั่งรอเจ้าแม่อยู่ที่ควงไม้ไทรแล้ว ขอให้เจ้าแม่รีบไปเถอะ

                                                              ............................................



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น